Maejo University Oral History
เรื่องราวเหตุการณ์ ประสบการณ์ คำบอกเล่า จากศิษย์เก่าแม่โจ้ เพื่อการเติมเต็มประวัติศาสตร์ของมหาวิทยาลัยแม่โจ้่
ประวัติศาสตร์บอกเล่าสามารถนิยามได้ว่าเป็นการบันทึก การเก็บรักษา และการตีความข้อมูลทางประวัติศาสตร์ โดยอิงจากประสบการณ์ส่วนตัวและความคิดเห็นของผู้พูด อาจอยู่ในรูปแบบของหลักฐานจากผู้เห็นเหตุการณ์เกี่ยวกับอดีต แต่ก็อาจรวมถึงนิทานพื้นบ้าน ตำนาน เพลง และเรื่องราวที่ถูกถ่ายทอดมาตลอดหลายปีโดยการบอกเล่าปากต่อปาก แม้ว่าจะเป็นวิธีที่มีคุณค่าในการเก็บรักษาความรู้และความเข้าใจของผู้สูงอายุ แต่ก็อาจเกี่ยวข้องกับการสัมภาษณ์คนรุ่นหลังด้วย
ประวัติศาสตร์บอกเล่ามีประโยชน์อย่างยิ่งในการรวบรวมเรื่องราวจากกลุ่มชนกลุ่มน้อยหรือชุมชนเล็ก ๆ ที่มักไม่ได้รับการนำเสนอในประวัติศาสตร์ที่เป็นทางการมากนัก นอกจากนี้ยังมีประโยชน์เมื่อข้อมูลชิ้นในชิ้นหนึ่งขาดแคลนหลักฐานประเภทอื่น ไม่ว่าจะเป็นลายลักษณ์อักษรหรือภาพ
สำหรับนักประวัติศาสตร์ชุมชน ถือเป็นเครื่องมือที่มีคุณค่าในการสืบค้น ว่าผู้คนทำอะไร พวกเขาคิดว่ากำลังทำอะไรในขณะนั้น และตอนนี้พวกเขาคิดว่าได้ทำอะไรไป นอกจากการบันทึกความคิดเห็นของผู้คนและความหมายที่พวกเขาให้กับเหตุการณ์ในอดีตแล้ว ยังมีประโยชน์ในการบันทึกเรื่องราวชุมชน เพลง นิทานพื้นบ้าน ฯลฯ
(อ้างอิงจาก Leicester University Oral History)
Our Oral History
รูปปั้นศาสตราจารย์ ดร.วิภาต บุญศรี วังซ้าย ที่หน้าสำนักหอสมุดมหาวิทยาลัยแม่โจ้ สร้างขึ้นในปี 2535 โดยใช้ภาพถ่ายใบหน้าของอาจารย์ และให้รองศาสตราจารย์ ดร.อานนท์ เที่ยงตรง อธิการบดี เป็นแบบท่านั่งแทน ภายใต้การตรวจสอบของ ดร.สราญ เพิ่มพูล รองอธิการบดี
ทีมฟุตบอลแม่โจ้เริ่มแข่งขันตั้งแต่ปี 2477 โดดเด่นด้วยการเล่นที่สุภาพและมีทีมเวิร์คดี ได้รับความนิยมจากผู้ชมและกองเชียร์อย่างต่อเนื่อง รวมถึงกลุ่มคนขับรถสามล้อ ภายใต้การนำของอาจารย์พนม สมิตานนท์ ทีมฟุตบอลแม่โจ้พัฒนาจนมีชื่อเสียงและเป็นที่เกรงขามของคู่แข่ง
ประสบการณ์ของพี่ทองย้อย บัวศรี อดีตนักเรียนแม่โจ้และ STAR FARMERS คนแรกของประเทศไทย เกี่ยวกับการก่อตั้งและชีวิตในกลุ่ม F.F.T. (Future Farmers of Thailand) ที่แม่โจ้ในช่วงปี 2504-2508 รวมถึงวิถีชีวิตนักเรียนเกษตร การทำการเกษตรระหว่างเรียน และความสัมพันธ์ระหว่างครูกับศิษย์ในสมัยนั้น
อาจารย์แอ๋ว เป็นอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดคนหนึ่งของมหาวิทยาลัยแม่โจ้ในช่วงปี 2521-2547 โดดเด่นด้วยบุคลิกสมถะ การแต่งกายเรียบง่าย และการสอนวิชาพันธุศาสตร์ที่เข้มงวด ท่านเป็นที่รู้จักในหมู่นักศึกษาทั้งจากการสอนและเรื่องเล่าต่างๆ เกี่ยวกับความอดทนและการไม่ตอบโต้ต่อการกลั่นแกล้งของนักศึกษา
เรื่องเล่าเกี่ยวกับชีวิตนักเรียนแม่โจ้รุ่นแรกในปี 2478-2479 รวมถึงสภาพโรงเรียน กิจกรรมรับน้องใหม่แบบดั้งเดิม เช่น การตรวจสุขภาพปลอม การจับน้องใหม่โยนลงสระน้ำ และพิธีแย่งธงสี นอกจากนี้ยังกล่าวถึงความสำเร็จด้านกีฬาของโรงเรียนแม่โจ้ในช่วงเวลานั้น
ผู้เล่าตัดสินใจเรียนที่แม่โจ้เพราะแรงบันดาลใจจากภาพยนตร์เรื่อง "บ้านไร่ นาเรา" (2485) ที่นำแสดงโดยเรืออากาศโททวี จุลทรัพย์ ภาพยนตร์นำเสนอชีวิตนักศึกษาแม่โจ้ที่ทำงานในไร่นา และประสบความสำเร็จในอาชีพเกษตรกรรม ซึ่งสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้เล่าอยากมีชีวิตแบบนั้น
คุณพระช่วงฯ เล่าว่าเหตุที่ลูกเจ้าขุนมูลนายมาเรียนที่แม่โจ้มากในรุ่น 2 (ปี 2478) เป็นผลจากกบฏบวรเดช พ.ศ. 2476 ซึ่งนำไปสู่การจับกุมและลงโทษผู้เกี่ยวข้องจำนวนมาก ทำให้ข้าหลวงที่ได้รับผลกระทบส่งลูกหลานไปเรียนที่ไกลๆ เพื่อหลีกเลี่ยงภัยทางการเมือง โดยโรงเรียนมัธยมวิสามัญเกษตรกรรมแม่โจ้เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ถูกเลือก
วุฒิ ชพานนท์ แม่โจ้รุ่น 22 เล่าถึงภาพยนตร์ "กังวาลไพร" ที่สร้างโดยกรมป่าไม้ในปี 2497 ซึ่งนำเสนอชีวิตของนักเรียนป่าไม้ที่จบจากแม่โจ้และเรียนต่อที่โรงเรียนป่าไม้แพร่ โดยมีนักแสดงหลักเป็นศิษย์เก่าแม่โจ้ ภาพยนตร์นี้สะท้อนชีวิตการทำงานของเจ้าหน้าที่ป่าไม้ในการปราบปรามการตัดไม้ทำลายป่าและนักเลงเจ้าถิ่น ซึ่งเป็นเรื่องราวที่สมจริงกว่านิยายเรื่อง "ร้อยป่า" ที่เป็นที่รู้จักในภายหลัง
แม่โจ้เริ่มเปิดสอนรุ่นแรกในปี 2477 โดยมีอาจารย์พระช่วงฯ และอาจารย์พนม สมิตานนท์ เป็นผู้บุกเบิก ตั้งแต่รุ่น 3 มีการสร้างบ้านพักนักเรียน และมี "บ้านคาวบอย" ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของวัฒนธรรมคาวบอยในแม่โจ้ เครื่องแบบนักเรียนแม่โจ้ยุคแรกได้รับอิทธิพลจากโรงเรียนวชิราวุธ และมีการใส่รองเท้าบู๊ทเพื่อความปลอดภัยและความเหมาะสมกับสภาพแวดล้อม
อิทธิพลของวัฒนธรรมคาวบอยในมหาวิทยาลัยแม่โจ้เริ่มต้นจากอาจารย์ประสงค์ วรยศ ศิษย์เก่ารุ่น 14 ที่นำกลับมาจากการศึกษาต่อในสหรัฐอเมริกาเมื่อปี 2503 และได้รับการส่งเสริมอย่างมากในสมัยของรองศาสตราจารย์ ดร.เทพ พงษ์พานิช อธิการบดีช่วงปี 2545-2553 จนกลายเป็นสัญลักษณ์สำคัญของมหาวิทยาลัย
อาจารย์ ดร.พนม สมิตานนท์ เดินทางไปดูงานที่สหรัฐอเมริกาในปี 2494 โดยมีนักเรียนและครูอาจารย์มาส่งที่สถานีรถไฟเชียงใหม่อย่างคับคั่ง แสดงถึงความรักและเคารพที่มีต่อท่าน หลังกลับมาในปี 2495 ท่านย้ายไปประจำที่กระทรวงศึกษาธิการและมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ตามลำดับ ท่านเป็นที่จดจำในฐานะผู้สร้างทีมฟุตบอลแม่โจ้ที่มีระเบียบวินัยและความแข็งแกร่ง
ประเพณีทอดกฐินของแม่โจ้ที่จัดขึ้น 5-7 คืน มีกิจกรรมมากมาย เช่น การชกมวย และการทำบุญร่วมกันของนักศึกษาและผู้ปกครองทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังกล่าวถึงวิถีชีวิตนักศึกษา การเรียนการสอน และวัฒนธรรมการเคารพรุ่นพี่ในแม่โจ้ ซึ่งหล่อหลอมให้ศิษย์เก่ามีความอดทน มีวินัย และเป็นที่ยอมรับในสังคมภายนอก
ในช่วงปี 2500 แม่โจ้มีประเพณีรับน้องใหม่ที่เข้มงวดในช่วง 7 วันแรก แต่หลังจากนั้นจะผ่อนคลายลง เว้นแต่ทำผิดกฎร้ายแรง ระบบรุ่นพี่ดูแลรุ่นน้องและหัวหน้าหอมีบทบาทสำคัญในการรักษาระเบียบวินัย นักศึกษาให้ความเคารพอาจารย์อย่างสูง มีวัฒนธรรมการเรียกนักศึกษาชายว่า "นายร้อย" และนักศึกษาหญิงว่า "คุณนาย" ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากระบบทหารผ่านทางอาจารย์พระช่วงฯ ผู้ก่อตั้ง
ประสบการณ์ชีวิตในแม่โจ้และการทำงานกับพระช่วงเกษตรศิลปการ ท่านได้รับโอกาสในการศึกษาต่อต่างประเทศ และกลับมาช่วยเหลือกิจการของแม่โจ้อย่างต่อเนื่อง เขาเน้นย้ำถึงความผูกพันระหว่างศิษย์เก่ากับสถาบันและครูบาอาจารย์ และแสดงความตั้งใจที่จะอุทิศตนให้แก่แม่โจ้ตลอดชีวิต
ผู้บริหารแม่โจ้ที่ดีควรมีคุณธรรม ความสามารถ และความรอบรู้ในหน้าที่ การศึกษาที่แม่โจ้เน้นการปฏิบัติจริงควบคู่กับวิชาการสมัยใหม่ สิ่งสำคัญคือการรักษาความสามัคคีในองค์กร ผู้บริหารควรทุ่มเทให้กับสถาบัน ไม่นำเรื่องส่วนตัวมาเกี่ยวข้อง และรักษาความสัมพันธ์อันดีกับศิษย์เก่า เพราะศิษย์เก่ามีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนและพัฒนาสถาบัน
ประสบการณ์การเข้าเป็นนักศึกษาใหม่ ซึ่งมีประเพณีรับน้องที่เข้มข้น รวมถึงการลงโทษที่รุนแรงแต่ไม่ถาวร หลังจากผ่านช่วงรับน้องแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้องกลับกลายเป็นความรักและสามัคคี นอกจากนี้ยังมีประเพณีอื่นๆ เช่น การร้องเพลงอวยพรปีใหม่ที่บ้านอาจารย์ ซึ่งสะท้อนถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างนักศึกษาและคณาจารย์
ประสบการณ์การเรียนภาคปฏิบัติ การทำแปลงเกษตร และชีวิตในหอพัก นอกจากนี้ยังกล่าวถึงกิจกรรมกีฬาฟุตบอลที่สร้างความสามัคคี และการได้รับทุนตัดผม ซึ่งนำไปสู่การเรียนรู้ทักษะใหม่ที่เป็นประโยชน์ทั้งในระหว่างเรียนและหลังจบการศึกษา สะท้อนให้เห็นถึงการเรียนรู้ทั้งในและนอกห้องเรียนที่หล่อหลอมนักศึกษาแม่โจ้
ประเพณีรับน้องใหม่ในอดีตของแม่โจ้ โดยเฉพาะการ "ชิงธง" ที่เริ่มในรุ่น 3 เพื่อสร้างความสามัคคีระหว่างนักศึกษาใหม่ ประเพณีนี้แพร่หลายไปถึงมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์บางเขน แต่ในที่สุดก็ถูกยกเลิกเนื่องจากความรุนแรง เขายังกล่าวถึงการพยายามปรับเปลี่ยนประเพณีรับน้องให้เหมาะสมและการต่อต้านกิจกรรมที่รุนแรง
ประเพณีรับน้องใหม่ในอดีต มีการ "ตรวจโรค" ปลอมและ "ปล้นหอ" ซึ่งรุ่นพี่จะพาน้องใหม่ไปที่สระน้ำในยามดึก มีการประกาศความผิดและลงโทษโดยการโยนลงน้ำ จากนั้นให้ทุกคนลงน้ำและร้องเพลงแม่โจ้ร่วมกัน เป็นการสร้างความสามัคคีและความผูกพันระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้อง แม้จะมีความรุนแรงบ้างแต่ก็เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมนักศึกษาในยุคนั้น
ความสัมพันธ์อันใกล้ชิดระหว่างพระราชวงศ์กับแม่โจ้ โดยเฉพาะอาจารย์พระช่วงเกษตรศิลปการ ผู้ก่อตั้งแม่โจ้ ที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับรัชกาลที่ 7 รัชกาลที่ 8 และรัชกาลที่ 9 รวมถึงสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ความสัมพันธ์นี้ส่งผลให้แม่โจ้ได้รับการสนับสนุนจากพระราชวงศ์อย่างต่อเนื่อง และนำไปสู่การพัฒนาโครงการพระราชดำริในพื้นที่ใกล้เคียง
เชิญชวนศิษย์เก่าแม่โจ้ ร่วมเติมเต็มประวัติศาสตร์ของมหาวิทยาลัยแม่โจ้ โดยการบอกเล่าประสบการณ์ที่ได้ใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยแม่โจ้ จากอดีตที่ผ่านมาของท่าน
สามารถติดต่อเพื่อให้ข้อมูลได้ที่ ฝ่ายจดหมายเหตุและคอลเล็กชั่นพิเศษ สำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยแม่โจ้ อาคารวิภาตบุญศรี วังซ้าย
โทร. 0 5387 3608
หรือสามารถติดต่อได้ที่ Facebook: จดหมายเหตุมหาวิทยาลัยแม่โจ้