ลาบนั้นมีต้นกำเนิดมาจากมณฑลยูนนานทางใต้ของประเทศจีน โดยนิยมกินกันมากในอาณาจักรล้านนา ลาว และภาคตะวันออกเฉียงเหนือหรืออีสาน ที่มาของคำว่าลาบนั้นในความหมายของคำกริยาซึ่งหมายถึงการสับให้ละเอียด ทำให้แตกละเอียด ลาบซึ่งพ้องเสียงกับคำว่าโชคลาภ,ลาภ ดังนั้นลาบหรือการกินลาบจึงเป็นอาหารที่นิยมทำกินกันในโอกาสพิเศษหรืองานเลี้ยงในเทศกาลต่างๆ เช่น งานแต่ง งานขึ้นบ้านใหม่สงกรานต์ หรืองานศพ เป็นต้น คนล้านนามีการทำลาบกินมานาน แต่ไม่ปรากฏบันทึกชัดเจนว่าเริ่มขึ้นเมื่อใด ซึ่งหากจะประเมินตามระยะเวลาที่เริ่มมีเครื่องเทศเข้ามาในภูมิภาคนี้ประเมินได้ประมาณ 300 กว่าปี (สารานุกรมวัฒนธรรมไทย ภาคเหนือ: 2542)
แกงเหมือนไก่ ซึ่งยุคโบราณใช้เนื้อสุนัข ปัจจุบันใช้เนื้อไก่ แต่ยังคงไว้ที่เสน่ห์ความอร่อยจากผักโบราณและเครื่องเทศที่กลมกล่อม แกงเนื้อสัตว์ที่เป็นเมนูยอดนิยมของชาวไทเขิน มีสักษณะคล้ายแกงแคของภาคเหนือเป็นแกงที่ใส่ผักพื้นบ้านหลายชนิด และไส่ผงกะหรี่เพื่อดับกลิ่นคาวเนื้อสัตว์นิยมทานเป็นกับข้าวในอาหารจานหลัก หมายเหตุ : ควรทำความเข้าใจเชิงวัฒนธรรมและความเชื่อว่า การบริโภคเนื้อสุนัขในล้านนามีเฉพาะบางท้องถิ่นเท่านั้น และไม่ได้เป็นที่นิยมแพร่หลายทั่วไป บางแห่งไม่ได้ยอมรับการบริโภคเนื้อสุนัข เพราะเห็นว่าเป็นสัตว์เลี้ยงที่ใกล้ชิดกับคนและจงรักภักดีต่อเจ้าของ โดยทั่วไปคนล้านนาเลี้ยงสุนัขด้วยความรักและเอาใจใส่ประดุจลูกหลานในบ้าน ดังนั้นการบริโภคเนื้อสุนัขจึงเป็นเรื่องที่อ่อนไหวต่อความรู้สึกของผู้คนทั่วไปในล้านนา(ฐานข้อมูลคำเรียกชื่ออาหารล้านนา,2557)
ข้าวซอยเหลืองผัดไข่ อาหารชาติพันธุ์ไทใหญ่
15 นาที Cook
ข้าวซอยเหลืองผัดไข่ เป็นข้าวซอยเหลืองที่มีน้ำซอสเป็นมะเขือเทศ มีความอร่อยและกลมกล่อมของอาหารชาติพันธุ์ไทใหญ่ พฤติกรรมการรับประทานอาหารชาวไทใหญ่สมัยก่อนจะใช้มือในการกินกับข้าวเหนียว ส่วนช้อนจะใช้กับน้ำแกง แต่ส่วนใหญ่อาหารไทใหญ่จะเป็นผัดมากกว่า น้ำที่ใช้ประกอบอาหารจะน้อย แต่ในปัจจุบันใช้ช้อนรับประทานมากกว่า
แกงฮังเลเชียงแสนจะแตกต่างตรงที่มีถั่วฝักยาว มะเขือยาว พริกสด หน่อไม้ดอง งาขาวคั่ว เพิ่มเข้ามา ใช้เป็นส่วนผสมของแกงโฮะ (รัตนา, 2552) อีกทั้งพฤติกรรมการรับประทานอาหารชาวไทยวนสมัยก่อนใช้มือในการรับประทานอาหาร อีกทั้งไม่นิยมทำแกงบ่อย ส่วนการใช้ช้อนจะใช้ในการรับประทานแกงเท่านั้น โดยส่วนใหญ่จะใช้มือในการรับประทานคู่กับข้าวเหนียว
ส้าผักรวม หรือส้าผัก หรือส้าผักแพระ เป็นการนำผักสดหลายๆ ชนิด มายำรวมกัน เป็นผักที่ได้จากป่าแพระ คือป่าโปร่ง เช่น ดอกครั่ง ดอกคราม ผักขี้ติ้ว ผักปู่ย่า ผ้าไคร้เม็ด ผักมองกอง ยอดส้มป่อย ยอดมะม่วง ยอดมะกอก ผักจ้ำ ปัจจุบันนิยมนำผักกาดต้นอ่อน (ผักกาดหน้อย) มาเป็นส่วนผสมด้วย…
แกงที่มีลักษณะและวิธีการทำคล้ายกับบ้ำพริกอ่อง แต่มีการใส่ข้าวคั่วเพิ่มเข้ามา น้ำแกงจะมีลัษณะข้นกว่าน้ำพริกอ่องและมีความหอมของข้าวคั่ว อีกทั้งพฤติกรรมการรับประทานอาหารชาวไทเขินสมัยก่อนใช้ช้อนกะโหลกมะพร้าวในการรับประทาน อีกทั้งยังใช้ใบไม้ในการทำเป็นช้อนเพื่อรับประทานอาหารอีกด้วย เนื่องจากสมัยก่อนไม่มีช้อนอะลูมิเนียม จึงใช้ความเป็นธรรมชาติเข้ามาช่วยในการดำรงชีวิต
จิ้นซ่ำพริกอาหารประจำถิ่นของชาวไทลื้อ เนื้อหมู นำไปย่างไฟให้สุก แล้วนำมาทุบให้นิ่ม จากนั้นนำมาผัดกับพริกและกระเทียมหอม นำใบมะกรูดที่โรยให้ทั่ว และยกลงพร้อมทาน อีกทั้งพฤติกรรมการรับประทานอาหารสมัยเมื่อก่อนล้อมรับประทานแบบเป็นขันโตก ให้ผู้อาวุโสรับประทานก่อน โดยจะไม่มีจานแบ่ง ช้อนแบ่ง ถ้าหากเป็นน้ำแกงจะใช้ช้อน แต่ถ้าหากเป็นข้าวเหนียวจะใช้มือเป็นส่วนใหญ่
ขนมลิ้นหมา บ้างเรียกว่า เข้าหนมเปี่ยง หรือเข้าเปี่ยง เป็นขนมที่ทำมาจากแป้งข้าวเหนียวดำนวดกับน้ำจนหนืดแต่ไม่เละ เติมเกลือให้มีรสเค็มเล็กน้อย บ้างใช้แป้งข้าวเหนียวสีขาวนวดกับน้ำอ้อยและเกลือให้มีรสหวานๆ เค็มๆ นำมะพร้าวขูดคลุกกับน้ำตาลทราย ช่วยให้ขนมอร่อย และน่ารับประทาน (รัตนา พรหมพิชัย, 2542, หน้า 824; รัตนา ไชยนันท์, สัมภาษณ์, 28 มิถุนายน 2550)…
“ข้าวซอยหนาก” หรือก๋วยเตี๋ยวไทใหญ่ เป็นอาหารที่หาทานได้ยาก แม้จะมีชื่อเรียกว่า “ข้าวซอย” แต่คล้ายก๋วยเตี๋ยวมากกว่า เพราะมีที่เส้นเป็นสีขาว และน้ำซุปค่อนข้างใส เส้นข้าวซอยหนากทำมาจากแป้งข้าวเหนียวและหนากว่าเส้นก๋วยเตี๋ยว จึงมีความเหนียวนุ่มมากกว่าก๋วยเตี๋ยวทั่วไป น้ำซุปมีมะเขือเทศเป็นส่วนผสมหลักจึงมีสีส้ม อีกทั้งพฤติกรรมการรับประทานของชาวไทใหญ่ใช้มือในการรับประทานอาหาร เพื่อเพิ่มความอร่อยมากยิ่งขึ้น แต่ในปัจจุบันใช้ช้อนในการรับประทานมากกว่า
“ข้าวแคบ” มีลักษณะคล้ายแผ่นโรตีสายไหม แต่บางกว่า แข็งกว่า และใสกว่า เหตุผลที่ต้องทำข้าวแคบเเละข้าวควบในช่วงฤดูร้อนก่อนเทศกาลปีใหม่เมืองนั้น คาดว่าเพราะในช่วงฤดูร้อนนั้นมีแสงแดดที่ร้อนจัด เพียงพอที่จะตากข้าวควบข้าวแคบให้แห้ง ได้ภายในวันเดียว ซึ่งในฤดูกาลอื่นๆ นั้นไม่สามารถทำได้ เนื่องจากในฤดูฝนก็มีทั้งฝนตกและความชื้นสูง ส่วนในฤดูหนาวนั้น กลางคืนจะยาวกว่ากลางวัน ถึงเเม้แสงแดดในเวลากลางวัน จะร้อนจัด แต่ระยะเวลากว่าที่แสงแดดจะส่องทำให้ข้าวเเคบสุกได้ (CultureLampang ,2567)