เรื่องที่ควรรู้ในการตั้งชื่อเอกสาร Digital

by

|

in

การตั้งชื่อเอกสารดิจิทัลอย่างเป็นระบบเป็นทักษะสำคัญในการจัดการข้อมูลยุคดิจิทัล ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ลดเวลาในการค้นหา และป้องกันความสับสน ต่อไปนี้คือคำแนะนำโดยละเอียดสำหรับการตั้งชื่อเอกสารดิจิทัล:

1. การใช้ภาษา

  1. ใช้ภาษาอังกฤษตัวพิมพ์เล็ก (a-z) และตัวเลข (0-9) 
    1. ตัวอักษรภาษาอังกฤษและตัวเลขเป็นมาตรฐานที่ใช้ได้กับทุกระบบปฏิบัติการและอุปกรณ์ ตัวอย่าง: ใช้ “annual_report” แทน “รายงานประจำปี”
  2. หลีกเลี่ยงภาษาไทยและอักขระพิเศษ
    1. ป้องกันปัญหาการแสดงผลผิดพลาดในระบบปฏิบัติการต่างๆ และความเข้ากันได้ของซอฟต์แวร์
    2. ข้อควรระวัง: อักขระพิเศษบางตัว เช่น / \ : * ? ” < > | อาจทำให้เกิดปัญหาในบางระบบปฏิบัติการ
  3. ใช้คำที่สั้น กระชับ และสื่อความหมาย:
    1. ใช้คำย่อที่เป็นที่รู้จักกันดีในองค์กรหรือในวงการของคุณ ตัวอย่าง: ใช้ “q4_fin_report” แทน “fourth_quarter_financial_report”

2. การใส่วันที่

  1. ใช้รูปแบบวันที่เป็น YYYY-MM-DD:
    1. รูปแบบนี้เป็นมาตรฐาน ISO 8601 ช่วยให้เรียงลำดับตามวันที่ได้อย่างถูกต้อง ตัวอย่าง: “2023-09-27_meeting_minutes.docx”
  2. ใช้ปี ค.ศ. ไม่ใช้ปี พ.ศ.:
    1. ปี ค.ศ. เป็นมาตรฐานสากล ช่วยให้เข้าใจตรงกันในการทำงานข้ามวัฒนธรรม วิธีคำนวณ: ปี ค.ศ. = ปี พ.ศ. – 543
  3. กรณีไม่ทราบปี ค.ศ. ให้ใช้ 543 ลบปี พ.ศ.:
    1. ตัวอย่าง: หากเอกสารระบุปี พ.ศ. 2566 ให้ใช้ 2566 – 543 = 2023

3. กรณีที่มีคำหลายคำ

  1. ใช้ยัติภังค์ (-) ในการเชื่อมคำ:
    1. ยัติภังค์ช่วยแยกคำให้อ่านง่าย และเป็นที่ยอมรับในระบบปฏิบัติการส่วนใหญ่ ตัวอย่าง: “2023-09-30-quarterly-sales-report.xlsx”
  2. หลีกเลี่ยงช่องว่างหรือขีดล่าง (_):
    1.  ช่องว่างอาจทำให้เกิดปัญหาในการใช้คำสั่งผ่าน command line หรือ URL
    2. แม้ขีดล่างจะใช้ได้ แต่ยัติภังค์มักอ่านง่ายกว่าเมื่อมีหลายคำติดกัน

4. ความยาวของชื่อไฟล์

  1. ให้มีความยาวไม่เกิน 31 ตัวอักษร
    1. ชื่อสั้นจะแสดงผลได้ดีในทุกระบบปฏิบัติการและอุปกรณ์ รวมถึงอีเมลและเว็บไซต์
    2. ใช้คำย่อที่เข้าใจง่าย เช่น “rpt” แทน “report”, “q1” แทน “first-quarter”
  2. หลีกเลี่ยงคำที่ซ้ำซ้อน:
    1. ตรวจสอบว่าไม่มีคำที่มีความหมายซ้ำกันในชื่อไฟล์ตัวอย่าง: ใช้ “2023-q1-sales.xlsx” แทน “2023-q1-sales-report-document.xlsx”

5. ตั้งชื่อให้สื่อความหมาย

  1. ระบุประเภทเอกสาร:
    1. เพิ่มคำที่บ่งบอกประเภทเอกสารไว้ในชื่อไฟล์ตัวอย่าง:
      รายงาน: “2023-q2-financial-report.pdf”
      ใบแจ้งหนี้: “2023-09-invoice-001.pdf”
      สัญญา: “2023-10-01-service-contract.docx”
  2. ใส่ชื่อโครงการหรือแผนกถ้าจำเป็น:
    1. ช่วยในการจัดหมวดหมู่และค้นหาเอกสารที่เกี่ยวข้องกับโครงการหรือแผนกเฉพาะ ตัวอย่าง:
      “2023-project-alpha-budget.xlsx”
      “hr-new-policy-2023.pdf”

6. จัดลำดับด้วยตัวเลข

  1. ใช้ 01, 02, 03 นำหน้าชื่อไฟล์ที่ต้องเรียงลำดับ:
    1. ช่วยให้ไฟล์เรียงลำดับตามที่ต้องการ โดยเฉพาะในกรณีที่มีเอกสารชุด  ตัวอย่าง: “01-project-initiation.docx” “02-project-planning.docx” “03-project-execution.docx”
  2. เทคนิคเพิ่มเติม:
    1. ใช้ตัวเลขนำหน้าเฉพาะเมื่อจำเป็นจริงๆ เพื่อไม่ให้ชื่อไฟล์ยาวเกินไป
    2. พิจารณาใช้ตัวอักษรแทนตัวเลขสำหรับหมวดหมู่ย่อย เช่น “A-“, “B-“, “C-“

7. ตัวอย่างและการประยุกต์ใช้

  1. ตัวอย่างที่ดี: “01-project-report-2023-09-30.docx” ความหมายของแต่ละตัว
    “01-” : จัดลำดับเอกสาร
    “project-report” : ระบุประเภทเอกสาร
    “2023-09-30” : วันที่ของเอกสาร
    “.docx” : นามสกุลไฟล์ที่บ่งบอกประเภทของไฟล์
  2. การประยุกต์ใช้ในสถานการณ์ต่างๆ:
    เอกสารการเงิน: “2023-q3-financial-statement.xlsx”
    รายงานการประชุม: “2023-10-15-board-meeting-minutes.docx”
    สัญญาลูกค้า: “2023-11-client-abc-contract.pdf”
    นำเสนองาน: “2023-12-01-sales-pitch-v2.pptx”

การปฏิบัติตามแนวทางเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอจะช่วยสร้างระบบการจัดการเอกสารที่มีประสิทธิภาพ ลดความสับสน และประหยัดเวลาในการค้นหาเอกสาร นอกจากนี้ ยังช่วยให้การทำงานร่วมกันในทีมและการแชร์ไฟล์กับบุคคลภายนอกเป็นไปอย่างราบรื่น

สุดท้าย อย่าลืมว่าการสร้างแนวปฏิบัติในการตั้งชื่อไฟล์ที่เป็นมาตรฐานสำหรับองค์กรของคุณและการฝึกอบรมทีมให้ใช้ระบบนี้อย่างสม่ำเสมอเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในการจัดการเอกสารดิจิทัล