แนวทางการผลิตปลาหมอไทยเพื่อเข้าสู่อุตสาหกรรมการเลี้ยงสัตว์น้ำอินทรีย์
ปลาหมอไทย (Climbing Perch, Anabas testudineus) เป็นปลาน้ำจืดที่พบได้ทั่วไปในแหล่งน้ำทุกภาคของประเทศไทย นิยมบริโภคเพราะรสชาติดีและมีราคาสูง โดยตลาดมีความต้องการทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ เช่น มาเลเซียและแถบตะวันออกกลาง ปลาหมอไทยเลี้ยงง่าย เจริญเติบโตเร็ว ทนทานต่อโรคและสภาพภูมิอากาศ ทำให้เหมาะสมกับการเพาะเลี้ยงเชิงพาณิชย์แบบอินทรีย์
ในปัจจุบัน แนวโน้มผู้บริโภคให้ความสำคัญกับอาหารที่ปลอดภัยและปราศจากสารเคมี นักเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจึงต้องหาวิธีการเลี้ยงที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาด และเกษตรกรสามารถใช้ช่องทางนี้เพื่อสร้างรายได้ในวิถีการเลี้ยงแบบอินทรีย์ โดยปลาหมอไทยมีความทนทานสูง สามารถขนส่งและจำหน่ายในรูปแบบปลาสดมีชีวิตได้
การจัดการบ่อเลี้ยงและการปล่อยลูกปลา
การเตรียมบ่อเลี้ยงปลาหมอควรเริ่มจากการกำจัดศัตรูปลา วัชพืช และพืชน้ำต่าง ๆ จากนั้นให้หว่านปูนขาว 150-200 กิโลกรัมต่อไร่ และตากบ่อให้แห้ง 2-3 สัปดาห์ เพื่อป้องกันโรคและลดความเสี่ยงในการเกิดโรคระบาด เมื่อน้ำในบ่อพร้อม การปล่อยลูกปลา ควรเลือกปล่อยในช่วงเช้าหรือเย็น โดยใช้ลูกปลาขนาด 2-3 เซนติเมตร หรือที่เรียกว่า “ขนาดใบมะขาม” ซึ่งเป็นลูกปลาอายุ 25-30 วัน
การให้อาหารและการพัฒนาสูตรอาหาร
การให้อาหารปลาหมอไทยต้องสอดคล้องกับช่วงอายุของปลา ซึ่งปกติใช้เวลาประมาณ 90-120 วันในการเลี้ยงให้ได้ขนาดที่ตลาดต้องการ สูตรอาหารที่ใช้มีการวิจัยและพัฒนาเพื่อให้ได้สารอาหารที่ครบถ้วนและลดต้นทุน โดยมีการใช้วัตถุดิบท้องถิ่น เช่น กล้วยน้ำว้าและถั่วเหลือง มาผสมในอาหารแทนการใช้ปลาป่นบางส่วน พบว่าการใช้กล้วยน้ำว้าช่วยเพิ่มศักยภาพในการเลี้ยง เนื่องจากกล้วยมีคุณสมบัติในการกระตุ้นแบคทีเรียที่มีประโยชน์ในลำไส้ของปลา ช่วยเพิ่มอัตราการรอดและความต้านทานโรคได้
แนวทางการเลี้ยงปลาหมออินทรีย์และการลดต้นทุนอาหาร
ในแนวทางการเลี้ยงปลาหมอแบบอินทรีย์ มีการใช้ถั่วเหลืองแทนปลาป่นบางส่วนเพื่อลดต้นทุน โดยการศึกษาพบว่าการใช้ถั่วเหลืองที่ระดับ 15% จะสามารถทดแทนปลาป่นได้โดยไม่ส่งผลเสียต่อการเจริญเติบโตของปลา อีกทั้งยังช่วยลดต้นทุนการผลิตอาหารอีกด้วย การเติมใบมันสำปะหลังแห้งที่ระดับ 2% ในสูตรอาหารจะช่วยเพิ่มผลผลิตรวมที่ได้และลดต้นทุนค่าอาหาร
อุปสรรคและข้อเสนอแนะในการเลี้ยงปลาหมอ
แม้ว่าปลาหมอจะมีความอดทนสูงและสามารถอยู่ในน้ำคุณภาพต่ำได้ แต่การเปลี่ยนถ่ายน้ำอย่างสม่ำเสมอยังคงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อกระตุ้นการกินอาหารและลดการเกิดโรค ปัญหาสำคัญที่พบในการเลี้ยงคือการขาดแคลนลูกพันธุ์ปลา เนื่องจากลูกพันธุ์ขึ้นอยู่กับช่วงฤดูกาล
เพื่อยกระดับการเลี้ยงปลาหมอให้เป็นไปในแนวทางอินทรีย์และปลอดภัยต่อผู้บริโภค เกษตรกรควรให้ความสำคัญกับการเลือกใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติในการผสมอาหาร และลดการพึ่งพาปลาป่น ซึ่งนอกจากจะช่วยลดต้นทุนแล้ว ยังช่วยให้การเลี้ยงปลาหมอเป็นไปอย่างยั่งยืนและปลอดภัยมากขึ้น
ผู้แต่ง: ผศ.ทิพสุคนธ์ พิมพ์พิมล
หน่วยงาน: มหาวิทยาลัยแม่โจ้
ติดต่อและสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ :ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ทิพสุคนธ์ พิมพ์พิมล
สังกัด : คณะเทคโนโลยีการประมง และทรัพยากรทางน้ำ
โทรศัพท์ : 053-875100-3
เว็บไซต์ : http://www.fishtech.mju.ac.th/WEB/main/