ชีวิตนักเรียน ครูกสิกรรมแม่โจ้

by

|

in

ช. มณีมาโรจน์

 

การสถาปนา ชีวิตให้รุ่งโรจน์ โชติช่วง นั้นต้องอาศัยวิริยภาพและปัญญาอันหลักแหลม ประหนึ่ง เป็นประทีปดวงใหญ่ที่คอยให้ความสว่าง ขจัด ความมืดมนอนธการทั้งมวลให้ปลาตสิ้นศูนย์ ธรรมชาติได้ เสกสรรค์มาตั้งแต่ดั้งเดิมแล้ว สมองและพละกําลัง เป็นสิ่งจําเป็น แก่นักเรียน ครูกสิกรรมอย่างที่สุด จะให้ลด หย่อน ทางใดทางหนึ่งย่อมไม่ได้ งานศิลปที่ทําเป็นหลักปฏิบัติหลังจากที่เราได้ ศึกษาความลึกลับมหัศจรรย์ของ พฤกษชาติแล้ว ศิลปบางชนิดเราต้องใช้ความอุตสาหะพากเพียรของเรารวม หน่วยเพื่อให้บรรลุ ความสําเร็จเป็นประโยชน์แก่สถานศึกษาของเรา นักเรียนที่ปราศจากวิริยภาพในงานศิลป์ จะแข็งแกร่งทรหด อยู่ในโรงเรียนของเราไม่ได้ เพราะขาดกําลังจิตใจ และแน่นอนยิ่งนัก ความรุ่งเรืองในชีวิตจะมาเยี่ยมกรายเขา ได้อย่างไร ทั้งนี้ ตรงกับวาทะของขงจู้ที่ว่า “จิตใจที่ไม่แข็งแกร่งย่อมมีสภาพ เช่นเดียวกับเสียงที่สะท้อนอยู่ในตึก” นั่นเทียว

ในรุ่งอรุณ จะได้ยินเสียงระฆังขานก้องกังวาลมาแต่ไกล เป็นเสียงที่เยือกเย็นประหนึ่งเสียง ของเทวทูตมา ปลุกปลอบให้เราต้องผวาตื่นขึ้น ด้วยจิตใจที่ร่าเริงสดชื่น ขมีขมันไปรายงานตัวต่อครู เพื่อประกอบ งานด้วยพากเพียร โดยสุจริตจิตไม่มีข้อเอนเอียงเข้าแอบแฝง บางครั้งเรารู้สึกอ่อนเพลียระเหี่ยใจเป็นนักหนา จึงไม่สามารถทําความสะอาดใบหน้าให้เกลี้ยงเกลา อย่างวิจิตรพิสดาร ได้ด้วยเหตุนี้เราจึงต้องล้างหน้า แต่เพียง “อย่างย่อ” หรือ “อย่างสังเขป” เท่านั้น แล้วคว้าจอบคู่ชีพไปศึกษา ทางปฐพีศาสตร์และพฤกษศาสตร์ ต่อไป เป็นการศึกษาทางปฏิบัติการโดยตรง เมื่อครูได้บัญชางาน แผนกศิลป์ให้เราก็ปฏิบัติตาม ทุกประการ ปฏิบัติด้วยตั้งใจจริง ปราศจากบิดพริ้ว เป็นการรับผิดชอบในการประกอบกิจศิลป์นี้ ปฏิบัติเกี่ยวข้องกับ ทฤษฎีที่เราศึกษา เช่น การปลูกยาสูบ การเพาะเมล็ดพืช การปฏิบัติพฤกษ์ให้งอกงาม การปราบโรคพืชบางชนิด เป็นต้น เราตั้งหน้าและมุ่งมาตรอย่างจริงใจว่า ศิลป์ชิ้นสําคัญนี้ต้องปฏิบัติจนสุดความสามารถ บางวันเรารับผิดชอบในงานศิลป์ที่ต้องใช้พละกําลังเข้าหักโหม แต่เราไม่หวาดหวั่นพรั่นใจต่ออุปสรรคของงานศิลป อย่างใดเลย เพราะเราชำนาญชาญชัยใช้ได้แล้ว เหงื่อออกโทรมใบหน้าและทั่วร่าง ไหลหยาดย้อย เสื้อผ้าเต็มไปด้วยเหงื่อไคล เพราะเราต้องใช้พละกําลังให้เป็นประโยชน์ ใบหน้าคล้ำเครียดด้วยการ ตรากตรำต่อการแผดเผาของแสงอาทิตย์ เตือนให้เราระลึกถึงวาทะ ของท่านลอง เฟลโล่ ที่กล่าวว่า “การที่ประสบทุกข์ แต่แล้วยังมีมานะ อยู่นั่นต้องนับว่าประเสริฐอย่างยิ่ง” อิทธิพลของอุดมคติอันมีค่าสูง นี้กระตุ้นเตือนให้ จิตใจของเราระดมความมานะยิ่งขึ้นเป็นทวีคุณ เพราะความสําเร็จกําลังคอยเราอยู่เบื้องหน้านั้นแล้ว นอกจากเรา จะได้ศึกษาธรรมชาติของพฤกษ์แล้ว งานแผนกศิลปยัง ปลุกปลอบให้หัวใจของเราเข้มแข็งเป็นเหล็กเพชร อาการระยนย่อท้อเป็นไม่มีเด็ดขาด งานศิลป์อบรมเราไม่ให้เป็น ครูที่สํารวย ไม่ให้รักความสุรุ่ยสุร่าย เมื่อได้ใช้ พิจารณญาณถึง การตื่นนอนแต่เช้าตรูอย่างถ่องแท้แน่แล้ว ก็ตระหนักแน่ว่า ทําให้สุขภาพของเราสมบูรณ์อยู่เสมอ อากาศสดชื่น ภายใต้แสงทองของร่งอรุณปลุกปลอบใจเราให้กระชุ่มกระชวย ว่องไวในการต่อต้านงาน แผนกศิลป์ ทุกชนิด สุขภาพของเราอยู่ในระดับสมบูรณ์ กล้ามเนื้อแข็งแกร่งด้วย การประกอบงานศิลป์ ซึ่งมีประจําทุกเช้า 2 ชั่วโมง และบ่ายอีก 2 ชั่วโมง โรคาพยาธิไม่ค่อยมีโอกาสมาแผ้วพานรบกวน สุขภาพ ของเราได้อย่างง่าย ๆ

หอระฆัง

เมื่อครบ 2 ชั่วโมง ของงานแผนกศิลป์ จะได้ยินเสียงระฆังก้องกังวาล มาอีกครั้งหนึ่งเป็นสัญญาณแห่งการยับยั้งงานศิลป์ไว้เพียงเท่านั้น แล้วบ่ายหน้ากลับมายังบ้านพักของตนตามเดิม มีเวลาเหลืออยู่ อีก 30 นาทีก็จะถึงเวลารับประทานอาหาร เพื่อขจัดความเหม็นอับของเหงื่อไคล ต่างก็ลงอาบน้ำตามลําห้วย หรือเหมืองน้ำของโรงเรียน ซึ่งไหลอยู่มิขาดสาย ให้ความสะดวกแก่เรามาก เรามักอาบ ท่าทาง ของแบบศิลป ถ้าไม่ เป็นที่จราจรหรือในเมื่อยามดวงอาทิตย์ได้คล้อยเคลื่อนลับเหลียม ดอยสุเทพที่ตั้งตระหง่าน อยู่เบื้องปัศจิม ทิศไปแล้ว

เวลา 8.30 น. เสียงกังวาลของระฆังเริ่มอีก เป็นสัญญาณเรียกร้องให้ เราต้องขมีขมันพร้อมด้วย “อาวุธ จับสัตว์บก สัตว์น้ำ” คือช้อน ส้อม มุ่งตรงไปยังโรงอาหาร ซึ่งจัดมีระเบียบนั่ง ประจําวงของตน มีสมาชิกวงละ 4 นาย ต่างวิสาสะตามสมควร แล้วก็รับประทานอาหารเช้า อาหารของโรงเรียน นับว่าดีพอใช้ โดยมาก ภายหลังเมื่อเราได้หักโหม ทุ่มเทพละกําลังในงานศิลปแล้ว ปรากฏว่าอาหารมื้อนั้นเป็นต้องเอร็ดอร่อย อย่างยอดเยี่ยม ความเหนื่อยอ่อน หิวโหยบังคับให้เรา ต้องบรรจุอาหารเข้าไว้ อย่างไม่ยับยั้งเพื่อให้ดุลกับแรงงาน ที่ ถูก จ่ายออกไป

เสร็จ จากการรับประทานอาหาร แล้วมีเวลาพักผ่อนอีกหนึ่งชั่วโมง จึงจะถึงเวลาเข้าห้องเรียน ยามว่างบ้างก็ปรึกษาในทฤษฎีของพฤกษ์ ความมหัศจรรย์ในชีพจักรของแมลง พร้อมด้วยการดํารงชีวิต 9.30 น. เข้าห้องเรียน ในหมวดวิชาต่าง ๆ ที่เรียน ผิดกับแผนกสามัญ อยู่หลายประการ โดยมากเราศึกษา หนักไป ทาง พฤกษศาสตร์ สัตวศาสตร์ และปฐพีศาสตร์ พร้อมด้วย หลักปฏิบัติการ ที่อยู่ ในของเขตนั้นด้วย ห้องเรียนของเรามุงด้วยตองตึง ไม่ต้องมีฝาแม้แต่ด้านเดียว โต๊ะเรียนตั้งบนพื้นดิน บางท่านเมื่อมาเยี่ยมโรงเรียน ของเราประจักษ์แก่ตาในทัศนภาพอันน่าสมเพทสงสารนี้ แล้วก็จะอิดหนาระอาใจ แต่เราหารู้สึกประหลาด และ สลดใจในสภาวะอันแร้นแค้นเช่นนี้ไม่ เรามุ่งมาดหมายมั่นในการศึกษา ความมหัศจรรย์ลึกลับของพฤกษชาติ สัตวชาติ และพื้นปฐพี อย่างจริงจังเท่านั้น ณ ปัจจุบัน ได้สร้างห้องเรียนถาวร เรียบร้อยแล้วและจัดให้นักเรียนมัธยม วิสามัญเกษตรกรรม ซึ่งเป็นรุ่นน้องของเราศึกษา เพื่อปลูกปลอบ และกล่อมใจในสถานะเช่นนี้

โดยมากเราเป็นนักเรียนผู้ใหญ่ เข้มงวดในการบังคับบัญชา ขมักเขม้นในสมรรถภาพ ของงาน เครื่องวิทยาศาสตร์ ทันสมัย จัดไว้อย่างเรียบร้อย เครื่องประกอบ ในการศึกษาชีววิทยา มีอยู่อย่างบริบูรณ์ ทําให้การศึกษา ของเราเพลิดเพลินได้อย่างดี เคลือบคลุมสงสัยหรือยังมืดมนอนธการ ในความลึกลับของพฤกษ์ จะปลดเปลื้องให้กระจ่างแจ้ง ด้วยการสํารวจและทดลอง ดูในกล้องจุลทัศน์ แล้วบันทึก ไว้ การแต่งตัว เข้าห้องเรียนนั้นมีระเบียบให้แต่ง คือสวมกางเกง ผ้าตุ่นสีน้ำเงินพื้นเมืองกับเชิ้ตขาวทุกคน นับว่าโรงเรียน จัดหาได้อย่างเรียบร้อย และเป็นระเบียบ

ภายหลังเวลาเลิกเรียน คือ 14.30 น. แล้ว ก็ยังมีเวลาเหลืออยู่อีก 30 นาที เพื่อตระเตรียมไปรายงานตัวต่อ ครูหมวดตามข้อบังคับ และระเบียบการเปลี่ยนแปลง อยู่ในชุดเกษตรกรแท้ แทบจะกล่าวได้ว่า เราไม่มีเวลา ว่างเลยในเวลา กลางวัน 12 ชั่วโมงเต็ม คล้ายกับจะเป็น “มนุษย์งาน นั่นแล้ว ทั้งนี้ เพราะ เรามีการศึกษา ศิลป และวิทยาควบกันไป ชุด แต่งตัวของเราในเวลา ประกอบงาน ศิลป ถ้าไม่ทราบอาจคิดว่าเป็นกรรมกร ของโรงเรียนก็ได้ แต่มีข้อสังเกตบางประการที่แสดงให้เห็นอย่างแจ่มแจ้ง แล้วว่าเรามิได้เป็นกรรมกรอย่าง คาดหมาย เพราะเรามักสนทนาถึงทฤษฎีของพฤกษ์ อยู่ร่ำไป

เมื่ออาหารเย็นได้ผ่านไปแล้ว แทนที่จะใช้เวลาว่าง นั่งสนทนาปราศรัยกัน ความเป็นห่วงพืชผัก ของเรามีอยู่มากเพราะพืชผัก ต้องอาศัยน้ำเป็นสําคัญ ฉะนั้นจึงต้องมุ่งตรงไปยังแปลงผัก ของตน อันเป็นกรรมสิทธิ์ส่วนตัว จัดการให้ความชุ่มชื่น แก่พฤกษ อย่างพอเพียง มีการพรวนดินบ้างถ้ามีเวลาปฏิบัติพอ ความเพลิดเพลินในการ ประกอบงานของเรา คือ อุตส่าห์ปฏิบัติพฤกษ์ ให้งอกงาม ทําให้เรารู้สึกว่าพระอาทิตย์ ช่างล่วงลับลงจากขอบฟ้า รวดเร็วประดุจจักรผัน ฉะนั้นจําต้อง บ่ายหน้ามายังบ้านพัก อาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาดเพราะทั่วสรรพางค์กาย เต็มไปด้วย คราบของเหงื่อไคล

เสียงระฆังกังวาลมา อีกครั้งเมื่อเวลา 19 น. เป็น สัญญาณให้นักเรียนทุก คนเข้าประจําบ้านพักของตน และศึกษาตามลําพังมีข้อห้ามบางประการเช่น ไม่ ให้เอ็ดอึงในเวลานี้และปรากฎว่าเราปฏิบัติ ได้อย่างถูกต้อง ในยามค่ำคืนเช่นนี้ เงียบ สงบ และวิเวกวังเวงใจยิ่งนัก ไม่ผิดเพี้ยนกับป่าช้าเท่าไรนัก ความจริงก็น่า จะเป็น เช่นนั้นเพราะโรงเรียน ตั้งอยู่ในใจกลางของป่าใหญ่ เป็นทัศนีภาพที่ชวนชมยิ่งนักที่มีพฤกษชาติอันเขียวชะอุ่ม ตั้งอยู่ล้อมรอบบริเวณศึกษาของเรา นักเรียน บางคน ประดิษฐ์โต๊ะเล็ก ๆ ขึ้นเพื่อสะดวกในการเขียน และจดบทเรียนในบ้านพัก บ้าง หวังป้องกันไข้จับสั่น อันเป็น โรคร้ายแรง ก็เข้าไปสงบ อารมณ์ดูหนังสืออยู่ภายในมุ้ง ณ ปัจจุบันแพทย์ ได้เข้ามาทําการปราบไข้จับสั่นในโรงเรียนเราแล้ว ปรากฎว่าจํานวนยุงลดน้อยลง ความเงียบสงัดของราตรีกาล ทําให้เราศึกษาตามลำพังได้อย่างเต็มสมรรถภาพ และปรากฏว่าได้รับผลน่าพึงพอใจ การสนทนาปราศรัย แทบจะกล่าวได้ว่าไม่มี คล้ายกับไม่ได้สมาคมกันมาแต่ก่อน ตามปกติเวลาดูหนังสือ ของเรามีน้อยกว่านักเรียนสามัญ ชีวิตของเราต้องกกกอดหนังสืออยู่ตลอดไป เพราะหนังสือประสิทธิ์ประสาท ความก้าวหน้าใน ชีวิตให้แก่เรา พร้อมด้วยองค์ประกอบบาง ประการ

เราต่างเป็นพุทธศาสนิกชน และยึดพระพุทธมนต์ ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นเครื่องกล่อมใจให้เราเป็นสุข ฉะนั้น ระฆัง สัญญาณเวลา 21 น. จึงเตือนให้เรานั่ง แบบคารวะแล้วหัวหน้าบ้านนำสวดพระพุทธมนต์จิตต์ ใจล่องลอย ระลึกถึงผู้ทรงพระคุณอันใหญ่หลวงของเรา คือ บิดา มารดา อาจารย์ ครู เป็นต้น เมื่อการสวดพระพุทธมนต์ ได้ยุติลงต่างก็เข้าประจําที่ของตนอีก และคงศึกษาต่อไป ทอดระยะต่อไปอีก 30 นาทีก็เป็นเวลานอน เมื่อระฆังกังวาลมา ทุกคนต่างดับไฟ และล้มตัวลงหลับ ด้วยความอ่อนเพลียระเหี่ยใจ มีข้อยกเว้น สําหรับนักเรียน ครู ปีที่ 2 เมื่อใกล้สอบอนุญาตให้ดูหนังสือต่อไปได้อีก ไม่จํากัดเวลาเพราะเห็นว่าเป็นชั้นสุดท้ายที่ต้อง พยายามให้ผ่านไป และความมีชัยมักจะตกอยู่ที่ผู้ขมักเขม้นใน วิชาการ

ความประพฤติและอัธยาศัย ของนักเรียนมีต่าง ๆ กันบ้างชอบสนุก ร่าเริงไม่รู้จักทุกข์บ้าง สงบเสงี่ยมเหมือนผู้หญิง และบ้างก็เคร่งขรึ่มเอาการเอางาน เหมือนกับรัฐบุรุษ แม้ว่าอัธยาศัย ต่างกันเราก็สมาคม กันได้อย่างสนิทสนม ทําให้ทฤษฎีของจิตตวิทยาที่เรากําลังศึกษาให้ประโยชน์ ได้อย่างเต็มที่ในหลัก สําหรับปฏิบัติการ นักเรียน ครูเป็นนักเรียน ตัวอย่างฉะนั้น ท่านอาจารย์ใหญ่ จึงเข้มงวดมากในเรื่องความประพฤติ ถ้าทราบว่าใคร ประพฤติเหลวไหล แล้วโรงเรียน ไม่ปรารถนารับไว้ นี้เป็นหลัก ปฏิบัติอันดีที่จะกลั่นเอานักเรียน ที่ประพฤติดีไว้ การเข้มงวดในความประพฤตินี่เอง ทําให้เราต้องเจียมตน อยู่ทุกขณะ การสมาคม ระหว่างมิตร สหายได้รับประโยชน์หลายประการ บ้างก็ให้บรรยายถึง ขนบธรรมเนียม ประเพณีในจังหวัดของตน เมื่อความสนิทสนมกลมเกลี่ยวมมากขึ้น ต่างก็มีนามสมญา แปลก ๆ ซึ่งเราเห็นเป็นของขำสําหรับเป็นเครื่องระลึกเตือนใจ เมื่อคราจากสถานศึกษาไปแล้ว การหยอกล้อนี้เอง ที่ประสาทความสามัคคีระหว่าง มิตรให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ดูเหมือนเราได้รับความสุขอย่างยอดเยี่ยมในระยะศึกษา เพลิดเพลินเจริญใจในการงาน จนรู้สึกว่าทิวาราตรี หมุนเวียนไปอย่างรวดเร็ว เราใช้เวลาให้เป็นประโยชน์เสมอ ซึ่งทําให้รำลึกถึงวาทะ ของ ท่านเล็ก ซินสกา ปรัชญาเมธี ที่กล่าวว่า “ในบรรดา ความสุรุ่ยสุร่ายทั้งหลาย ไม่มีอะไร จะน่าตําหนิเท่า กับสุรุ่ยสุร่ายในเวลา” เราต่างปฏิบัติถูกต้อง ตามอุดมคติของท่านเล็กซินสกา แล้ว อย่าง ไม่รู้สึกตัว คุณค่าในเวลาของเราสูงมาก มากจนเรียกร้องระดมความขยันขันแข็งเป็นทวีคูณ

อุดมคติบทหนึ่งของ ท่านดิ๊กเกน ซึ่งปลุกปลอบหัวใจของเราให้ แข็งแกร่ง ประดุจเหล็กเพชร เพื่อต่อต้าน อุปสรรคทั้งมวลที่ขวางหน้าให้แหลกเหลวเป็นจุลมหาจุล ไปได้นั้นมีความว่า “ Rids on over all obstacles and win the race” อุดมคตินี้ ทําใจให้มีกําลังฮึกเหิม มองเห็นความสําเร็จ อยู่ตรงหน้า และเดินตรงไป “หาหลักชัยด้วยความอาจหาญ อย่างชาติชายใจ ฉกาจฉกรรจ์นั่นเทียว.

 

แหล่งที่มา : หนังสือรุ่น แม่โจ้ 2479 หน้า 150-156.