Maejo University Oral History
เรื่องราวเหตุการณ์ ประสบการณ์ คำบอกเล่า จากศิษย์เก่าแม่โจ้ เพื่อการเติมเต็มประวัติศาสตร์ของมหาวิทยาลัยแม่โจ้่
September 30, 2024
Share this:
งานเกษตรต้องรู้จักปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ ก่อนจะรู้ทฤษฎีก็ต้องรู้เรื่องการปฏิบัติก่อนฉะนั้นในภาคปฏิบัติ วิทยาลัยจึงมีโครงการให้นักเรียนปลูกพืชให้เป็น รวมทั้งเลี้ยงสัตว์ด้วย การปลูกพืชโดยจัดทำแปลงขึ้นเรียกว่า แปลงขนาด ครั้งแรกก็ให้หัวหน้าหอ และผู้ช่วยหัวหน้าหอไปช่วยจัดแปลงขึ้นขนาดกว้าง 1 เมตร ยาว 5 เมตร และขุดแต่งแปลงให้เรียบร้อยพร้อมที่จะปลูก คือ ต้องขุดให้ลึกพอประมาณ ราว ๆ 8 นิ้ว ทำกันทุกหอเป็นแปลงเรียงกันไป ดูสวยงาม หัวหน้าหอบอกว่าหน้าหนาว ยิ่งสวยเพราะจะปลูกผักฤดูหนาว เรื่องเมล็ดพันธุ์พืช ปุ๋ย ให้ไปเบิกเอาที่พัสดุ ให้พยายามใช้ปุ๋ยขี้ควาย ขี้วัว และขี้หมู และจะต้องเรียนวิทยาศาสตร์เกษตร บัญชี ภาษาอังกฤษ แปลงขนาดนี้จะต้องทำและ มีคะแนนให้ ถ้าไม่ทำหรือทำไม่สำเร็จก็จะโดนใช้ให้ไปขุดแปลง มีคนไม่ได้ทำเพราะป่วยบ้าง ขี้เกียจบ้าง ซึ่งเป็นการทำโทษที่มีประโยชน์
พี่หัวหน้าหอและผู้ช่วยหัวหน้าหอเป็นคนน่ารักมาก มาช่วยทำแปลงแนะนำให้วัดแปลงและขุดแปลงให้ พูดจาก็พูดคุณพูดผม จนเรามีความรู้สึกคุ้นเคยเหมือนพี่เหมือนน้องอย่างสนิทใจ ผิดกับพวกหออื่น เห็นเพื่อนมันบ่นว่าคำหนึ่งก็โยนน้ำ สองคำก็จะโยนน้ำ พี่พวกตัวเล็กละเสียงดังดีนักเรียกว่าขู่ไว้ก่อน ทุกคนเกลียดรุ่นพี่เกือบทุกคน ไม่เห็นมีหอไหนบอกว่าชอบรุ่นพี่สักหอ ผิดกับหอของผม มีอะไรก็ช่วยทุกอย่าง ทั้งออกแรงและความคิด กลับบ้านมาก็มีของมาฝาก
ส่วนการเรียนนั้นจะแบ่งเป็นตอนเช้าถึงเที่ยง กินข้าวเสร็จแล้วเตรียมลงงานแบ่งออกเป็นปลูกพืช (ทำนา) และเลี้ยงสัตว์ มีไก่ สุกร ส่วนการเรียนก็มีวิทยาศาสตร์เกษตร คำนวณ ภาษาอังกฤษสำหรับเรื่องทุนการศึกษา ทางวิทยาลัยให้ทุนสำหรับผู้ที่เป็นดนตรีและผู้ที่ตัดผมเป็น พี่ผมคนหนึ่งเป็นผู้ช่วยหัวหน้าหอได้ทุนตัดผม แกอารมณ์ดีเป็นคนสนุก โดยเฉพาะแกเป็นนักกีฬาด้วย ที่เชียงใหม่มีคนชอบฟุตบอลกันมากจะมีการจัดแข่งขันขึ้นปีละครั้ง ระหว่างฝั่งซ้ายและฝั่งขวาของแม่ปิง ฝั่งซ้ายก็จะมีพวกแม่โจ้ จะเป็นครู อาจารย์ หรือนักเรียนก็ได้ มีพวกรถไฟและทหาร พวกอำเภอหรือครูประชาบาล ส่วนฝั่งขวามักจะเก่ง เพราะมีคนให้เลือกมาก เช่น ครู อาจารย์ ทหาร และตำรวจ ต.ช.ด. ส่วนใหญ่ฟังว่าฝั่งขวาจะชนะเกือบทุกปี แต่เรื่องเชียร์แล้วไม่ผิดหวัง พวกเราก็เอาเสียงดังเข้าว่า พี่ผมคนนี้แกเล่นในตำแหน่งแบ็คคู่กับคุณคำหล้าจากรถไฟ มีปีนี้ได้ข่าวว่าคุณคำหล้าไม่อยู่ไปราชการกรุงเทพฯ จึงต้องหาคนแทน พี่ผมคนนี้เขาก็ว่า คำหล้าไม่อยู่แต่คำโลนอยู่โว้ย ไม่ต้องกลัวเพราะฉะนั้นเสียงเชียร์ซึ่งมีเสียงเชียร์แต่คำโลนก็คงทำให้ไม่ผิดหวัง แล้วการแข่งขันคราวนี้ก็สมดังใจของฝั่งซ้ายเพราะเรามีกองหน้าซึ่งเป็นนักเรียนเสื้อสามารถสองคนเป็นคนยิง คำโลนของเราก็รักษาประตูเล่นเอาฝั่งขวาเงียบไปถนัดใจ ดีใจแทนพี่คำโลน ซึ่งมีคนล้อมขอจับมือกันเป็นแถว
“ช่างตัดผม” โดยที่พี่คำโลนแกเป็นคนอารีอารอบและเป็นคนสงบแล้วก็ได้รับทุนนี้ แม่โจ้จำเป็นต้องมีช่างตัดผม เนื่องจากอยู่ห่างไกลจากเมืองเชียงใหม่ ฉะนั้นในวันเสาร์หรืออาทิตย์ต้องอยู่คอยรับใช้นักเรียนหรือบางที่ก็อาจารย์ด้วย มีอยู่อาทิตย์หนึ่ง เจ้าเพื่อนผมมาขอแกตัดผมให้ แกก็บอกว่าไม่ว่าง ให้ผมตัด แกตัดเป็น พูดเสร็จแกก็เอาเครื่องมือส่งให้ เจ้าเพื่อนผมก็มาหาผมบอกว่า
“มึงเป็นก็ไม่บอกกู กูต้องไปง้อปีสอง แม่งมันเบ่ง… ไม่ตัดให้กู” ผมก็ตกกระไดพลอยโจน แต่ใจไม่สู้จะดี เพราะไม่เคยตัดมาก่อน คว้าผ้าขาวม้าส่งให้เอาไว้คลุมไหล่ พาลงไปข้างล่างหอ เพื่อนก็บ่นด่าพวกปีสองอยู่เรื่อย ผมก็ปล่อยให้มันคุยไปหยิบกรรไกร ปัตตาเลี่ยน มือชักจะสั่น แต่ก็ใจกล้าเสี่ยงไป พอลงมือได้สักพัก ไถเท่าไรก็ไม่เรียบ เป็นขั้นบันไดเอากรรไกรขลิบ ที่โน่นก็แหว่งที่นี่ก็แหว่ง นานพอสมควร เพื่อนก็ว่าเสร็จหรือยังขอกระจกเอาไปส่องดูร้องด่า ไม่เป็นก็ไม่บอก กูจะทำยังไง ไปไหนคงไม่ได้ พี่คำโลนแกก็ลงมาดู และช่วยแก้ไขให้แล้วสอนไปในตัวเป็นอันเรียบร้อยดี เพื่อนผมเหมือนกัน ไปที่ไหนก็บอกว่าผมเป็นคนตัด อาทิตย์ต่อไปก็มีคนมาให้ตัดอีก ผมก็ตัด แล้วตามเคย ขั้นบันไดไม่หมดไปสักที ก็ถูกด่าแล้วพี่คำโลนก็มาแก้ให้ใครถามเพื่อนก็อวดว่าผมเป็นคนตัด อีกอาทิตย์หนึ่งก็มีคนมาอีก ปฏิบัติอย่างเคยรู้สึกว่าประมาณสักหก หัวก็เริ่มตัดเป็น เป็นที่รู้กันไปหมดว่าผมตัดผมได้ มีอยู่คราวหนึ่งพี่คำโลนไม่อยู่ด้วยอาจารย์ต้องการ ตัดผมเพราะรู้ว่าผมตัดผมเป็น แกก็เรียกไปตัดมือมันสั่นและใจก็สั่นมากด้วยเพราะเป็นหัวครู แต่พี่คำโลนก็กลับมาทันและแก้ให้ ผมจึงมีความรู้ตัดผมมากขึ้น และรู้ว่าตัดผมสั้นนี่มันยากสิ้นดีแล้วอาจารย์แกก็ตัดผมสั้นด้วย จะไล่ตัดอย่างไรก็ไม่เสมอ แต่แกก็ใจดีบอกว่าหัดไว้แล้วจะได้ทุนเอาสตางค์ไว้กินขนม และตอนหลังทราบว่าแกเป็นคนหนึ่งที่รับรองให้ผมได้รับทุนตัดผม ตัดผมได้นี่ก็ดีตอนไปอยู่เมืองนอกค่าตัดผมมันแพง เพื่อน ๆ จึงรวมสตางค์ไปซื้อปัตตาเลี่ยนและกรรไกรมาให้ตัดสตางค์เราไม่เอา แต่ได้ขนมกินเพราะเขาหามาได้ด้วยความรัก
ผู้ให้ข้อมูล: พิสิษฐ์ ศศิผลิน รุ่น 22
ที่มา: หนังสือบันทึกแม่โจ้ ความคิด ชีวิต ตำนาน
งานเกษตรต้องรู้จักปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ ก่อนจะรู้ทฤษฎีก็ต้องรู้เรื่องการปฏิบัติก่อนฉะนั้นในภาคปฏิบัติ วิทยาลัยจึงมีโครงการให้นักเรียนปลูกพืชให้เป็น รวมทั้งเลี้ยงสัตว์ด้วย การปลูกพืชโดยจัดทำแปลงขึ้นเรียกว่า แปลงขนาด
เชิญชวนศิษย์เก่าแม่โจ้ ร่วมเติมเต็มประวัติศาสตร์ของมหาวิทยาลัยแม่โจ้ โดยการบอกเล่าประสบการณ์จากอดีตที่ผ่านมาของท่านในแม่โจ้
สามารถติดต่อเพื่อให้ข้อมูลได้ที่ ฝ่ายจดหมายเหตุและคอลเล็กชั่นพิเศษ สำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยแม่โจ้ อาคารวิภาต บุญศรี วังซ้าย
โทร. 0 5387 3508
หรือสามารถติดต่อได้ที่ Facebook: จดหมายเหตุมหาวิทยาลัยแม่โจ้