เชื้อราบิวเวอเรีย (Beauveria bassiasna) เป็นจุลินทรีย์จำพวกเชื้อราทำลายแมลง ซึ่งสามารถทำลายแมลงโดยการผลิตเอนไซม์ที่เป็นพิษต่อแมลงศัตรูพืช และเป็นเชื้อราที่อาศัยและกินเศษซากผุพัง
การเข้าทำลายแมลงของเชื้อราบิวเวอเรีย
สปอร์เชื้อราจะเข้าสู่ตัวแมลงทางผนังลำตัว รูหายใจ บาดแผล บนลำตัว เมื่อมีความชื้นเที่หมาะสม สปอร์จะแทงทะลุผิวหนังลำตัว และจะงอกสู่ช่องว่างลำตัวหรือออกสู่ภายนอกตัวแมลงเมื่อแมลงตาย สปอร์จะแพร่กระจายไปตามลม ฝนหรือติดกันตัวแมลงตัวอื่น ทำให้เชื้อราจะขยายพันธุ์ต่อไปได้เรื่อย ๆ
วิธีการใช้เชื้อราบิวเวอเรีย (เชื้อสด)
- เชื้อราบิวเวอเรีย 1-2 กิโลกรัม ต่อน้ำ 100 ลิตร ผสมสารจับใบ (กรองเอาเฉพาะน้ำ)
- ควรให้น้ำแปลงพืชที่จะควบคุมศัตรูพืชประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนทำการพ่น
- นำเชื้อราไปฉีดพ่นโดยต้องพ่นให้ถูกตัวแมลงและศัตรูพืช หรือบริเวณที่แมลงศัตรูพืชอาศัยให้มากที่สุด
- ควรพ่นช่วงเวลาเย็น ซึ่งจะมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของเชื้อรา
- เมื่อพ่นเสร็จแล้ว ควรให้น้ำกับแปลงพืชในวันรุ่งขึ้น เพื่อเพิ่มความชื้น
- สำรวจแปลงพืช ถ้ายังพบศัตรูพืชเป้าหมายให้พ่นเชื้อราบิวเวอเรียซ้ำ
ข้อดี
- ไม่มีสารพิษตกค้างในผลผลิตของเกษตรกร ทำให้ทั้งผู้ผลิต, ผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อมปลอดภัย
- มีประสิทธิภาพในการป้องกันแมลงศัตรูพืชได้ยาวนาน ซ้ำยังแพร่และขยายพันธุ์ได้ในธรรมชาติหากอุณหภูมิและความชื้นเหมาะสม
- สามารถลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกรได้เป็นอย่างดี เพราะการฉีดพ่นเพียง 2 ครั้ง ก็ทำให้แมลงศัตรูพืชหยุดระบาดได้ อีกทั้งไม่ทำให้แมลงศัตรูพืชต่างๆ ดื้อยา
ข้อเสีย
- เห็นผลช้า ประมาณ 3-14 วัน จึงจะเห็นว่าเชื้อราเข้าทำลายแมลงและตาย
- ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ตะวัน ฉัตรสูงเนิน
อาจารย์ประจำหลักสูตรสาขาเทคโนโลยีชีวภาพทางอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้-แพร่ เฉลิมพระเกียรติ - นายธวัชชัย ชัยธวัชวิถี
นักวิทยาศาสตร์ด้านเทคโนโลยีชีวภาพ มหาวิทยาลัยแม่โจ้-แพร่ เฉลิมพระเกียรติ - นางสาวสุกัญญา ลางคุลานนท์
นักวิชาการเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้-แพร่ เฉลิมพระเกียรติ