การผลิตสตรอว์เบอร์รี่เพื่อทานผลสด

นิคม วงศ์นันตา

สำนักวิจัยและส่งเสริมวิชาการเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้

เลือกพื้นที่ปลูก

การเลือกพื้นที่ปลูกสตรอว์เบอร์รี่เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเจริญเติบโตและคุณภาพของผลผลิตที่ดี หากเลือกพื้นที่ที่มีลักษณะภูมิประเทศเหมาะสม จะส่งผลให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพสูง พื้นที่ที่ควรเลือกคือพื้นที่ที่มีระดับความสูง 800 เมตรขึ้นไป ซึ่งความสูงนี้ช่วยให้สตรอว์เบอร์รี่มีอุณหภูมิที่เย็นเหมาะสมกับการเติบโต ดินที่ใช้ปลูกควรมีความสมบูรณ์และความเป็นกรด-ด่าง (pH) อยู่ระหว่าง 6-7 ที่สำคัญพื้นที่ที่เลือกต้องไม่มีปัญหาการสะสมของเกลือแร่และไม่มีปัญหาน้ำขังเพราะจะทำให้เกิดโรครากเน่าและเป็นอุปสรรคต่อการเจริญเติบโตของพืช

หลักการคัดเลือกพื้นที่ปลูกที่เหมาะสม

  1. พื้นที่ที่มีความสูงมากกว่า 800 เมตรจากระดับน้ำทะเล
  2. ดินที่มีความสมบูรณ์และค่า pH ระหว่าง 6-7 ซึ่งเป็นค่าที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของสตรอว์เบอร์รี่
  3. ไม่เป็นพื้นที่สะสมเกลือแร่และไม่มีปัญหาน้ำท่วมขัง

การปลูกสตรอว์เบอร์รี่

หลังจากเลือกพื้นที่ปลูกที่เหมาะสมแล้ว ควรทำการเตรียมแปลงปลูกและระบบน้ำให้พร้อม เริ่มจากการเตรียมดินให้มีความร่วนซุยและระบายน้ำได้ดี หลังจากนั้นจึงเริ่มต้นปลูกต้นกล้าสตรอว์เบอร์รี่ การปลูกควรเริ่มในช่วงกลางเดือนกันยายนถึงกลางเดือนธันวาคม เพื่อให้พืชเจริญเติบโตได้ดีและสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ในช่วงปลายปี ปลูกต้นกล้าสตรอว์เบอร์รี่โดยการเว้นระยะห่างระหว่างต้น 25-30 เซนติเมตร และระยะห่างระหว่างแถว 45-50 เซนติเมตร การวางระยะห่างนี้จะช่วยให้พืชมีพื้นที่ในการเจริญเติบโตและช่วยลดการสะสมความชื้นซึ่งอาจเกิดเชื้อราหรือโรคพืชได้ง่าย

การให้น้ำ

ต้นสตรอว์เบอร์รี่ต้องการน้ำสม่ำเสมอเพื่อการเจริญเติบโต การให้น้ำควรทำอย่างเหมาะสมโดยให้น้ำในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่ควรให้น้ำมากเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดปัญหารากเน่าหรือโรคที่เกี่ยวข้องกับความชื้นในดินได้ การให้น้ำที่ดีควรให้ในช่วงเช้าหรือช่วงเย็นเพื่อหลีกเลี่ยงการระเหยของน้ำ และควรให้น้ำในลักษณะที่สม่ำเสมอ การให้น้ำที่เพียงพอจะช่วยให้ผลผลิตของสตรอว์เบอร์รี่มีคุณภาพดีและไม่เสื่อมสภาพเร็ว

การตัดแต่งใบและดอกสตรอว์เบอร์รี่ 

ในช่วงที่ต้นสตรอว์เบอร์รี่กำลังเจริญเติบโต ควรทำการตัดแต่งใบเก่า ใบที่ไม่สมบูรณ์ และใบที่มีลักษณะเหลืองหรือมีโรคพืชเกิดขึ้นออกจากต้นเพื่อช่วยลดการสะสมของโรคและแมลงที่เป็นศัตรูพืช ใบเก่าที่เหลืองจะดึงสารอาหารจากต้นซึ่งอาจทำให้ต้นสตรอว์เบอร์รี่สูญเสียพลังงานที่ใช้ในการเติบโต ควรตัดแต่งใบเป็นประจำอย่างน้อยทุก 2-3 สัปดาห์ ในการตัดแต่งดอก ควรตัดแต่งให้เหลือดอกเพียง 7 ดอกต่อต้น เพื่อให้พืชสามารถส่งสารอาหารไปที่ผลสตรอว์เบอร์รี่ได้อย่างเพียงพอ การตัดแต่งนี้จะช่วยให้ผลผลิตที่ได้มีขนาดใหญ่ขึ้นและคุณภาพดีกว่าการปล่อยให้ดอกทั้งหมดเจริญเติบโตพร้อมกัน

การเก็บเกี่ยวผลผลิต

หลังจากการปลูกและการดูแลอย่างเหมาะสม สตรอว์เบอร์รี่จะเริ่มให้ผลผลิตได้ประมาณ 3 เดือนหลังจากปลูก ควรเก็บเกี่ยวผลผลิตเมื่อผลมีความสุกพอดีในช่วงเช้าหรือช่วงเย็นเพื่อลดการสูญเสียความชื้นจากแสงแดด ผลที่สุกแล้วสามารถเก็บรักษาได้ในอุณหภูมิที่เหมาะสมเพื่อให้สามารถเก็บไว้ได้นานขึ้น การเก็บเกี่ยวควรใช้มือจับผลและหมุนเบา ๆ เพื่อไม่ให้เกิดการช้ำหรือเสียหาย ผลสตรอว์เบอร์รี่ที่เก็บเกี่ยวควรมีคุณภาพดีและมีลักษณะสดใหม่ สีแดงสดและเนื้อแน่น

โรค แมลง และศัตรูสตรอว์เบอร์รี่

  1. แอนแทรคโนส (Colletotrichum sp.)
    – โรคนี้เกิดจากเชื้อราที่พบได้บ่อยในสตรอว์เบอร์รี่ เชื้อรานี้ทำให้เกิดผลเน่าและจุดบนใบ การป้องกันโรคนี้สามารถทำได้โดยการใช้สารป้องกันเชื้อราและการจัดการใบหรือผลที่เสียหายให้เร็วที่สุดเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อ
  2. โรคเน่า (Phytophthora fragariae)
    – โรคนี้เกิดจากเชื้อราที่ทำให้รากเน่าและทำให้พืชเหี่ยวแห้ง เชื้อจะแพร่กระจายได้ง่ายในดินที่มีความชื้นสูง การป้องกันสามารถทำได้โดยการควบคุมความชื้นในดินไม่ให้สูงเกินไปและใช้พันธุ์ที่ต้านทานโรค

ผู้ร่วมสร้างสรรค์ผลงาน

สำนักวิจัยและส่งเสริมวิชาการเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ 63 หมู่ 4 ตำบลหนองหาร อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ 50290 โทร: 0 5387 3400

สำนักวิจัยและส่งเสริมวิชาการเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้

2566

เชียงใหม่

สตรอว์เบอร์รี่เป็นผลไม้ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทยและทั่วโลก ด้วยรสชาติหวานหอม สีสันสดใส และประโยชน์ต่อสุขภาพ ทำให้เป็นผลไม้ที่หลายคนต้องการปลูกเพื่อรับประทานสด บทความนี้จะนำเสนอเคล็ดลับและเทคนิคการปลูกสตรอว์เบอร์รี่เพื่อให้ได้ผลผลิตที่ดีมีคุณภาพ ตั้งแต่การเลือกพื้นที่ การปลูก การดูแลรักษา ไปจนถึงการเก็บเกี่ยวผลผลิต