กระเจี๊ยบแดงอินทรีย์
อดิศักดิ์ การพึ่งตน
สำนักวิจัยและส่งเสริมวิชาการเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้
กระเจี๊ยบแดง หรือที่รู้จักกันในชื่อสามัญว่า Roselle (ชื่อวิทยาศาสตร์: Hibiscus sabdariffa L.) เป็นพืชในวงศ์ Malvaceae ที่มีถิ่นกำเนิดในทวีปแอฟริกา และได้แพร่กระจายไปยังทวีปอเมริกา อินเดีย และประเทศต่างๆ ในเอเชีย ด้วยคุณประโยชน์อันหลากหลาย กระเจี๊ยบแดงจึงได้รับความนิยมในการนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ มากมาย
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
กระเจี๊ยบแดงเป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก สูงประมาณ 1-2 เมตร มีลำต้นและกิ่งก้านสีแดงอมม่วง ใบเป็นใบเดี่ยวขอบหยักลึก 3-5 แฉก ดอกเป็นดอกเดี่ยวสีชมพูหรือเหลือง โดยส่วนที่นิยมนำมาบริโภคคือกลีบเลี้ยงซึ่งมีสีแดงเข้มและมีรสเปรี้ยว
การปลูกและการดูแล
- ฤดูปลูก: เดือนมิถุนายน – สิงหาคม
- วิธีปลูก: หยอดเมล็ดลงหลุมหรือเพาะในถาดหลุมก่อนย้ายปลูก
- การเตรียมแปลง: ใช้แปลงขนาดกว้าง 1 เมตร ปรับปรุงดินด้วยปุ๋ยหมัก และคลุมด้วยพลาสติก
- ระยะปลูก: 60 เซนติเมตร
- การดูแล: เด็ดยอดเมื่ออายุ 20 วันเพื่อให้แตกกิ่งแขนง รดน้ำสม่ำเสมอ และให้ปุ๋ย 3 ครั้งในช่วงอายุ 25, 50 และ 80 วัน
การเก็บเกี่ยวและการแปรรูป
- ระยะเวลาเก็บเกี่ยว: 110-120 วันหลังปลูก (ประมาณเดือนพฤศจิกายน – ธันวาคม)
- วิธีการเก็บเกี่ยว: เลือกเก็บเฉพาะดอกที่แก่ แล้วกระทุ้งเอากระเปาะเมล็ดออกจากกลีบเลี้ยง
- การแปรรูป: อบแห้งด้วยพลังงานแสงอาทิตย์แบบเรือนกระจกเป็นเวลา 3-4 วัน
- ผลผลิต: ประมาณ 1,800-2,000 กิโลกรัมต่อไร่ (ผลผลิตสด) หรือ 180-200 กิโลกรัมต่อไร่ (กลีบเลี้ยงแห้ง)
สรรพคุณและประโยชน์
กระเจี๊ยบแดงอุดมไปด้วยสารอาหารและสารพฤกษเคมีที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย ทั้งใบและกลีบเลี้ยงสามารถนำมาบริโภคได้ โดยมีสรรพคุณดังนี้:
- ช่วยควบคุมความดันโลหิตสูง
- ขับปัสสาวะและช่วยขับนิ่ว
- เป็นยาระบายอ่อนๆ
- บำรุงร่างกายและเสริมภูมิคุ้มกัน
- ช่วยย่อยอาหารและบำรุงธาตุ
- แก้ไอและละลายเสมหะ
- ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดในผู้ป่วยเบาหวาน
- ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด
- มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์
- อาจช่วยลดโอกาสการเกิดมะเร็งและยับยั้งเนื้องอก
ด้วยคุณประโยชน์อันหลากหลาย กระเจี๊ยบแดงจึงถูกนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ มากมาย เช่น ชาชงพร้อมดื่ม ไซเดอร์ วุ้น คุกกี้ แยม ซอส ไอศกรีม ไวน์ รวมถึงใช้เป็นสีธรรมชาติและส่วนประกอบในเครื่องสำอาง
กระเจี๊ยบแดงอินทรีย์เป็นพืชที่มีคุณค่าทางโภชนาการและสรรพคุณทางยาสูง การปลูกกระเจี๊ยบแดงแบบอินทรีย์ช่วยให้ได้ผลผลิตที่ปลอดภัยและมีคุณภาพสูง เหมาะสำหรับการบริโภคและแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพต่างๆ นอกจากนี้ ยังเป็นพืชที่ปลูกและดูแลง่าย เหมาะสำหรับเกษตรกรที่ต้องการปลูกพืชที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจและเป็นที่ต้องการของตลาด
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : https://kb.mju.ac.th/assets/img/articleFile/2565011209cb4f7beb2547ea9f1f3fcd3df33557.pdf
อดิศักดิ์ การพึ่งตน สำนักวิจัยและส่งเสริมวิชาการเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้
สำนักวิจัยและส่งเสริมวิชาการเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้
2564
เชียงใหม่