การเลี้ยงหนอนแมลง BSF เพื่อเป็นแหล่งโปรตีนทดแทนอาหารเม็ดสำหรับสัตว์น้ำ

การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำเป็นอุตสาหกรรมที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทยที่มีแหล่งน้ำและทรัพยากรธรรมชาติเอื้ออำนวย อย่างไรก็ตาม ต้นทุนค่าอาหารสัตว์ที่สูงเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ การแสวงหาแหล่งโปรตีนทดแทนอาหารเม็ดสำเร็จรูปจึงเป็นแนวทางสำคัญในการลดต้นทุน หนึ่งในทางเลือกที่มีประสิทธิภาพคือ หนอนแมลงวันลายดำ (Black Soldier Fly: BSF) ซึ่งสามารถนำมาใช้เป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพสูงสำหรับอาหารสัตว์น้ำ


ประโยชน์ของหนอนแมลง BSF

หนอนแมลง BSF มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ประกอบด้วยโปรตีน 39-56% และไขมันคุณภาพสูง 25-35% อีกทั้งยังมีกรดอะมิโนและกรดไขมันที่จำเป็นต่อสัตว์น้ำ นอกจากนี้ BSF ยังมีคุณสมบัติในการช่วยลดขยะอินทรีย์เนื่องจากสามารถเลี้ยงด้วยเศษอาหารหรือของเหลือจากการเกษตร เช่น ผัก กากมันสำปะหลัง และกากน้ำตาล ทำให้สามารถผลิตอาหารสัตว์ที่มีต้นทุนต่ำและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม


วงจรชีวิตของหนอนแมลง BSF

  1. ระยะไข่ (Egg Stage)
    • ตัวเมียวางไข่ในบริเวณใกล้อาหาร โดยแต่ละตัวสามารถวางไข่ได้ 400-1,300 ฟอง
    • ใช้เวลา 3-4 วัน ในการฟักออกเป็นตัวหนอน
  2. ระยะหนอน (Larval Stage)
    • หนอนมีลำตัวสีขาวครีมหรือขาวขุ่น และเริ่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเมื่อโตเต็มที่
    • ระยะนี้กินอาหารได้มากและเจริญเติบโตภายใน 13-18 วัน
  3. ระยะก่อนเข้าดักแด้ (Prepupal Stage)
    • ลำตัวเปลี่ยนเป็นสีดำ น้ำตาลเข้ม และหยุดกินอาหาร
    • ตัวหนอนจะเคลื่อนย้ายไปยังบริเวณที่แห้งเพื่อเตรียมเข้าสู่ระยะดักแด้
  4. ระยะดักแด้ (Pupal Stage)
    • ผิวลำตัวแข็ง ไม่เคลื่อนไหว รอการเปลี่ยนแปลงเป็นตัวเต็มวัย
    • ใช้เวลา 7-9 วัน
  5. ระยะตัวเต็มวัย (Adult Stage)
    • มีลักษณะคล้ายตัวต่อ มีอายุขัยประมาณ 2-9 วัน และไม่กินอาหาร
    • ทำหน้าที่สืบพันธุ์และวางไข่ต่อไป

วิธีการเพาะเลี้ยงหนอนแมลง BSF

  1. การเลี้ยงพ่อแม่พันธุ์
    • ควบคุมอุณหภูมิและแสงให้เหมาะสม เพื่อกระตุ้นการผสมพันธุ์และวางไข่
    • จัดเตรียมวัสดุให้ตัวเมียวางไข่ เช่น กล่องกระดาษหรือแผ่นไม้
  2. การเพาะหนอนสำหรับนำไปใช้เป็นอาหารสัตว์
    • ใช้วัสดุอาหารที่เหลือจากครัวเรือนหรือการเกษตร เช่น เศษผัก ผลไม้ และกากน้ำตาล
    • ควบคุมความชื้นของอาหารให้อยู่ที่ 70-80% เพื่อให้หนอนเจริญเติบโตได้ดี
    • ใช้บ่อหรือกระบะเลี้ยงที่มีความลาดเอียง เพื่อให้หนอนระยะก่อนเข้าดักแด้เคลื่อนที่ออกมาเอง

การนำหนอนแมลง BSF ไปใช้เป็นอาหารสัตว์

  1. อาหารปลากินเนื้อและปลากินพืช
    • สามารถนำหนอนแมลง BSF หว่านลงในบ่อปลาโดยตรงวันละ 2 มื้อ
    • ใช้เลี้ยงปลาดุก ปลาหมอไทย และปลานิล
  2. อาหารกบ
    • สามารถให้กบกินได้ตั้งแต่อายุ 1 เดือนขึ้นไป
  3. อาหารไก่พื้นเมือง
    • ไก่อายุ 1-45 วัน จะกินเฉลี่ย 25 กรัมต่อตัวต่อวัน
  4. อาหารหมู
    • ต้องนำหนอนแมลง BSF มาปั่นและผสมกับอาหารหมูในอัตราส่วน 1:3 เพื่อให้หมูสามารถย่อยได้ง่าย
  5. ปุ๋ยอินทรีย์และฮอร์โมนพืช
    • น้ำหมักที่ได้จากกระบวนการเลี้ยงหนอนสามารถนำไปใช้เป็นปุ๋ยอินทรีย์หรือฮอร์โมนเร่งโตสำหรับพืชได้

ข้อดีและข้อจำกัดของการเลี้ยงหนอนแมลง BSF

ข้อดี

  • ช่วยลดต้นทุนอาหารสัตว์
  • ลดปริมาณขยะอินทรีย์
  • ผลิตได้ตลอดทั้งปี
  • ใช้ต้นทุนต่ำและมีขั้นตอนการเลี้ยงไม่ซับซ้อน

ข้อจำกัด

  • การเลี้ยงในฤดูหนาวอาจให้ผลผลิตต่ำเนื่องจากอุณหภูมิต่ำ
  • ต้องมีการควบคุมความชื้นและคุณภาพอาหารให้เหมาะสม

การเลี้ยงหนอนแมลง BSF เป็นแนวทางที่มีศักยภาพในการลดต้นทุนอาหารสัตว์น้ำและสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ อีกทั้งยังเป็นทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ช่วยลดปริมาณขยะอินทรีย์ และสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น อาหารสัตว์ ปุ๋ยอินทรีย์ และฮอร์โมนพืช อย่างไรก็ตาม การควบคุมคุณภาพและปริมาณการผลิตเป็นปัจจัยสำคัญที่เกษตรกรต้องให้ความสำคัญ


ผู้แต่ง : นายเทพพิทักษ์ บุญทา
หน่วยงาน : ศูนย์วิจัยและนวัตกรรมการเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้

แหล่งที่มา : https://kb.mju.ac.th/article.aspx?id=4154

เอกสารฉบับเต็ม : https://maejo.link/o8hI