คู่มือการผลิตกล้วยคุณภาพ

นิคม วงศ์นันตา

งานปรับปรุงและขยายพันธุ์พืชและสัตว์ สำนักวิจัยและส่งเสริมวิชาการการเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้

การผลิตกล้วยคุณภาพ: แนวทางสู่ความสำเร็จทางการเกษตร

กล้วยเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศไทย มีการปลูกอย่างแพร่หลายทั่วทุกภูมิภาค และมีความสำคัญทั้งในแง่การบริโภคภายในประเทศและการส่งออก บทความนี้จะนำเสนอข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการผลิตกล้วยคุณภาพ โดยเน้นที่กล้วยสามสายพันธุ์หลัก ได้แก่ กล้วยหอม กล้วยน้ำว้า และกล้วยไข่

ลักษณะทั่วไปของกล้วย

กล้วยเป็นพืชล้มลุกขนาดใหญ่ มีส่วนประกอบสำคัญดังนี้:

1. ราก: เป็นระบบรากฝอย แผ่กระจายอยู่ใกล้ผิวดิน
2. ลำต้นเทียม: เกิดจากกาบใบที่อัดกันแน่น
3. ใบ: มีขนาดใหญ่ ตั้งฉากกับลำต้น
4. ดอก: เกิดเป็นปลี ออกจากส่วนกลางของลำต้น
5. ผล: รวมกันเป็นเครือ แต่ละกลุ่มเรียกว่า “หวี”

การปลูกกล้วยหอม

กล้วยหอมเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีศักยภาพสูงในการส่งออก โดยเฉพาะตลาดญี่ปุ่น วิธีการปลูกและดูแลรักษามีดังนี้:

1. การเตรียมดิน: ควรเลือกพื้นที่ไม่มีน้ำท่วมขัง ดินร่วนซุย ระบายน้ำดี
2. การปลูก: ใช้หน่อกล้วยที่แข็งแรง ปลูกในหลุมลึกประมาณ 50 ซม.
3. การให้น้ำ: ต้องการน้ำสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงแรกของการปลูก
4. การใส่ปุ๋ย: ใช้ปุ๋ยอินทรีย์เป็นหลัก เพื่อให้ได้ผลผลิตที่ปลอดภัย
5. การตัดแต่งหน่อและใบ: ควรทำอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ต้นแข็งแรง
6. การค้ำยัน: จำเป็นเพื่อป้องกันต้นล้มเมื่อติดผล
7. การห่อผล: ใช้ถุงพลาสติกหรือกระดาษห่อเครือเพื่อป้องกันแมลงและเพิ่มคุณภาพผล
8. การเก็บเกี่ยว: ทำเมื่อผลเริ่มแก่ ประมาณ 90-110 วันหลังออกปลี

การปลูกกล้วยน้ำว้า

กล้วยน้ำว้าเป็นพันธุ์ที่นิยมปลูกมากที่สุดในประเทศไทย เนื่องจากใช้ประโยชน์ได้ทุกส่วน วิธีการปลูกมีดังนี้:

1. การเลือกพื้นที่: ชอบดินร่วนปนทราย มีอินทรียวัตถุสูง
2. การเตรียมหลุมปลูก: ขนาด 50x50x50 ซม. ผสมปุ๋ยคอกและปุ๋ยร็อคฟอสเฟต
3. การปลูก: ใช้หน่อที่แข็งแรง อายุ 3-4 เดือน
4. การให้น้ำ: ต้องการน้ำสม่ำเสมอ แต่ไม่ชอบน้ำขัง
5. การใส่ปุ๋ย: ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก และปุ๋ยเคมีสูตรสมดุล
6. การกำจัดวัชพืช: ทำอย่างสม่ำเสมอ แต่ระวังไม่ให้กระทบรากกล้วย
7. การตัดแต่งหน่อ: ทำทุก 15-20 วัน เพื่อควบคุมการเจริญเติบโต
8. การเก็บเกี่ยว: ทำเมื่อผลเริ่มแก่ ประมาณ 90-100 วันหลังออกปลี

การปลูกกล้วยไข่

กล้วยไข่เป็นพันธุ์ที่มีศักยภาพในการส่งออกสูง โดยเฉพาะตลาดจีน วิธีการปลูกมีดังนี้:

1. การเลือกพันธุ์: นิยมใช้พันธุ์กำแพงเพชร
2. การเตรียมพื้นที่: ชอบดินร่วนปนทราย ระบายน้ำดี
3. การปลูก: ใช้ระยะปลูก 2.5 x 2 เมตร
4. การให้น้ำ: ต้องการน้ำสม่ำเสมอ แต่ไม่ชอบน้ำขัง
5. การตัดแต่งหน่อ: ทำอย่างสม่ำเสมอ เหลือหน่อไว้ทดแทน 1-2 หน่อ
6. การใส่ปุ๋ย: ใช้ปุ๋ยสูตรสมดุล และปุ๋ยทางใบช่วงออกปลี
7. การห่อผล: ทำหลังตัดปลี 20-30 วัน ใช้ถุงสีฟ้าหรือใบกล้วย
8. การเก็บเกี่ยว: ทำเมื่อผลแก่เต็มที่ ประมาณ 45-50 วันหลังตัดปลี

การป้องกันและกำจัดโรคและแมลงศัตรู

โรคและแมลงศัตรูที่สำคัญของกล้วย ได้แก่:

1. โรคตายพราย: เกิดจากเชื้อรา ทำให้ใบเหลืองและต้นตาย
2. โรคเหี่ยว: เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ทำให้ต้นเหี่ยวและตาย
3. โรคใบจุด: เกิดจากเชื้อราหลายชนิด ทำให้เกิดจุดบนใบ
4. ด้วงงวงเจาะลำต้น: ทำลายเหง้าและลำต้น
5. หนอนม้วนใบ: กัดกินใบกล้วย
6. แมลงวันผลไม้: วางไข่ในผลกล้วยใกล้สุก

การป้องกันและกำจัดทำได้โดยการรักษาความสะอาดในสวน เลือกพันธุ์ต้านทาน ใช้สารชีวภัณฑ์ และในกรณีจำเป็นอาจใช้สารเคมีตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ การผลิตกล้วยคุณภาพต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจในการปลูกและดูแลรักษาที่ถูกต้อง เหมาะสมกับแต่ละสายพันธุ์ การจัดการที่ดีตั้งแต่การเลือกพื้นที่ปลูก การเตรียมดิน การปลูก การดูแลรักษา ไปจนถึงการเก็บเกี่ยวและการจัดการหลังการเก็บเกี่ยว จะช่วยให้ได้ผลผลิตกล้วยที่มีคุณภาพสูง ตรงตามความต้องการของตลาด ทั้งเพื่อการบริโภคภายในประเทศและการส่งออก ซึ่งจะนำไปสู่ความสำเร็จในการทำเกษตรกล้วยอย่างยั่งยืน

ติดต่อและสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ : https://kb.mju.ac.th/assets/img/articleFile/256612141bea3d9f49654f6b9f64b341a699f682.pdf

ติดต่อและสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ : นายนิคม วงศ์นันตา สังกัด : งานปรับปรุงและขยายพันธุ์พืชและสัตว์ สำนักวิจัยและส่งเสริมวิชาการการเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ โทรศัพท์ : 053-873429

มหาวิทยาลัยแม่โจ้

2566

ไทย