คู่มือ สตรอว์เบอร์รี่

นิคม วงศ์นันตา

งานปรับปรุงและขยายพันธุ์พืชและสัตว์ สำนักวิจัยและส่งเสริมวิชาการการเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้

การปลูกสตรอว์เบอร์รีในประเทศไทย : ศักยภาพ ความท้าทาย และแนวทางการพัฒนา

สตรอว์เบอร์รี (Fragaria × ananassa) เป็นไม้ผลเมืองหนาวขนาดเล็กที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายทั่วโลก ด้วยรสชาติที่หอมหวานและคุณค่าทางโภชนาการสูง ในประเทศไทย แม้จะมีภูมิอากาศเขตร้อน แต่ด้วยสภาพภูมิประเทศที่มีพื้นที่สูงทางภาคเหนือ ทำให้สามารถปลูกสตรอว์เบอร์รีได้ บทความนี้มุ่งนำเสนอภาพรวมของการปลูกสตรอว์เบอร์รีในประเทศไทย ตั้งแต่ประวัติความเป็นมา สายพันธุ์ เทคนิคการปลูก ตลอดจนปัญหาและแนวทางการพัฒนาในอนาคต

 

 

ประวัติและพัฒนาการ

การปลูกสตรอว์เบอร์รีในประเทศไทยเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการในปี พ.ศ. 2477 โดยคุณพระช่วงเกษตรศิลปการ ซึ่งได้รับต้นพันธุ์จากชาวอังกฤษ (ณรงค์ชัย, 2542) อย่างไรก็ตาม การปลูกในระยะแรกยังไม่ประสบความสำเร็จมากนัก จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2512 โครงการหลวงได้นำพันธุ์สตรอว์เบอร์รีจากสหรัฐอเมริกามาทดลองปลูกบนพื้นที่สูงในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งประสบความสำเร็จและเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาการปลูกสตรอว์เบอร์รีในเชิงพาณิชย์

สายพันธุ์และแหล่งปลูก

ปัจจุบัน สายพันธุ์สตรอว์เบอร์รีที่นิยมปลูกในประเทศไทยมีหลากหลาย โดยพันธุ์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือ พันธุ์พระราชทาน 80 (Royal Queen) ซึ่งให้ผลขนาดใหญ่และมีรสชาติหวาน เหมาะสำหรับการบริโภคสด นอกจากนี้ยังมีพันธุ์ 329 (Yael) ที่นิยมปลูกเพื่อส่งเข้าโรงงานแปรรูป และพันธุ์ Baron Solemacher หรือสตรอว์เบอร์รีดอย ซึ่งมีขนาดผลเล็กแต่มีกลิ่นหอมและมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง (ส่วนวิชาการสำนักพัฒนาเกษตรที่สูง, 2546)

แหล่งปลูกสตรอว์เบอร์รีที่สำคัญของไทยอยู่ในพื้นที่ภาคเหนือ โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย รวมถึงบางพื้นที่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคกลาง เช่น เลย เพชรบูรณ์ และกาญจนบุรี โดยมีพื้นที่ปลูกรวมทั้งประเทศประมาณ 3,000-5,600 ไร่ต่อปี

เทคนิคการปลูกและการจัดการ

การเลือกพื้นที่ปลูก

การปลูกสตรอว์เบอร์รีให้ประสบความสำเร็จนั้น การเลือกพื้นที่ปลูกมีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยควรเลือกพื้นที่ที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลตั้งแต่ 800 เมตรขึ้นไป ดินมีความอุดมสมบูรณ์และมีค่า pH ระหว่าง 6-7 (สห ตุลพงค์, 2553)

การปลูกและการดูแลรักษา

ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการปลูกคือระหว่างปลายเดือนสิงหาคมถึงกลางเดือนตุลาคม โดยใช้ระยะปลูก 25-30 x 45-50 เซนติเมตร การให้น้ำควรทำอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงการเจริญเติบโตและติดผล การตัดแต่งใบและดอกเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ (มานัส กัมพุกุล, มปป)

การชักนำการออกดอก

สตรอว์เบอร์รีต้องการอุณหภูมิต่ำ (5-15°C) และช่วงแสงสั้น (น้อยกว่า 12 ชั่วโมงต่อวัน) เพื่อกระตุ้นการออกดอก ในสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวย อาจใช้เทคนิคการชักนำการออกดอก เช่น การลดปริมาณไนโตรเจน การปลิดใบ หรือการใช้สารควบคุมการเจริญเติบโต (ณรงค์ชัย, 2549)

การเก็บเกี่ยวและการจัดการหลังการเก็บเกี่ยว

การเก็บเกี่ยวควรทำเมื่อผลสุกประมาณ 75-80% โดยทั่วไปจะเริ่มเก็บเกี่ยวได้ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนถึงเมษายน การเก็บเกี่ยวและการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวต้องทำด้วยความระมัดระวังเนื่องจากผลสตรอว์เบอร์รีบอบช้ำง่าย (งานพัฒนาและส่งเสริมการผลิตไม้ผล มูลนิธิโครงการหลวง, 2554)

ปัญหาและความท้าทาย

การปลูกสตรอว์เบอร์รีในประเทศไทยยังคงเผชิญกับปัญหาและความท้าทายหลายประการ ได้แก่:

1. โรคและแมลงศัตรูพืช: โรคที่สำคัญ เช่น โรคแอนแทรคโนส โรคเหี่ยว และโรคใบจุด ส่วนแมลงศัตรูที่สำคัญ ได้แก่ ไรสองจุดและเพลี้ยอ่อน (นุชนาฏ จังเลขา, 2552)
2. การจัดการหลังการเก็บเกี่ยว: เนื่องจากผลสตรอว์เบอร์รีมีอายุการเก็บรักษาสั้น การขนส่งและการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวจึงเป็นความท้าทายสำคัญ
3. การแข่งขันในตลาด: การนำเข้าสตรอว์เบอร์รีจากต่างประเทศและการแข่งขันด้านราคาเป็นปัจจัยที่ท้าทายสำหรับเกษตรกรไทย
4. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ: ภาวะโลกร้อนส่งผลกระทบต่อการปลูกสตรอว์เบอร์รี ซึ่งต้องการอากาศเย็นในการเจริญเติบโตและออกดอก

แนวทางการพัฒนาในอนาคต

เพื่อเพิ่มศักยภาพการผลิตสตรอว์เบอร์รีของไทย ควรมีการดำเนินการดังนี้:

1. การวิจัยและพัฒนาพันธุ์: ควรมีการปรับปรุงพันธุ์ให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของไทยมากขึ้น โดยเน้นพันธุ์ที่ทนต่อโรคและให้ผลผลิตสูง
2. การพัฒนาเทคโนโลยีการผลิต: ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น การปลูกในโรงเรือน ระบบการให้น้ำและปุ๋ยอัตโนมัติ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
3. การส่งเสริมการแปรรูป: พัฒนาผลิตภัณฑ์แปรรูปจากสตรอว์เบอร์รีให้มีความหลากหลายมากขึ้น เพื่อเพิ่มมูลค่าและลดความเสียหายจากผลผลิตล้นตลาด
4. การพัฒนาระบบโลจิสติกส์: ปรับปรุงระบบการขนส่งและการเก็บรักษาเพื่อยืดอายุผลิตภัณฑ์และรักษาคุณภาพ
5. การส่งเสริมการตลาด: สร้างแบรนด์สตรอว์เบอร์รีไทยให้เป็นที่รู้จักในระดับสากล และส่งเสริมการส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ

การปลูกสตรอว์เบอร์รีในประเทศไทยมีศักยภาพสูงในการสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรและเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ แม้จะมีความท้าทายหลายประการ แต่ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิต การปรับปรุงพันธุ์ และการส่งเสริมการตลาดอย่างต่อเนื่อง จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของสตรอว์เบอร์รีไทยในตลาดโลกได้ การวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่องจะเป็นกุญแจสำคัญในการยกระดับอุตสาหกรรมสตรอว์เบอร์รีของไทยให้ก้าวหน้าและยั่งยืนต่อไปในอนาคต

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : https://kb.mju.ac.th/assets/img/articleFile/256612144e460a3603f14a888d91298595a579c7.pdf

ติดต่อและสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ : นายนิคม วงศ์นันตา สังกัด : งานปรับปรุงและขยายพันธุ์พืชและสัตว์ สำนักวิจัยและส่งเสริมวิชาการการเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ โทรศัพท์ : 053-873429

มหาวิทยาลัยแม่โจ้

2566

ไทย