ชีวิตรุ่น 33


ณ. ที่นี้ขอกล่าวย้อนหลังไปอีก 3 ปี  ปีที่ทุกคนไม่อาจลืมได้จนชั่วชีวิต ความหวังก่อนหน้านั้น ทุกคนมาศึกษาแม่โจ้เพื่อเป็นบันไดต่อชีวิตให้กับอนาคตและชีวิตของตัวเอง สิ่งที่ทุกคนหลีกเลี่ยงไปไม่ได้ก็คือ “การใช้ชีวิตร่วมแห่งสถาบันเดียวกัน” ครั้งแรกจะไม่มีใครคิดเฉลี่ยวใจเลยว่าการดำเนินชีวิตในแม่โจ้นั้น มันมีความเข้มข้นเพียงใดและเกี่ยวโยงกับอนาคตกาลข้างหน้าของเรา ๆ อย่างไร? ทั้งนี้เพราะว่าทุกคนมัวหลงระเริงอยู่กับคำสรรเสริญเยินยอที่ได้รับจากรุ่นพี่ก็อาจเป็นได้ โดยไม่มีใครล่วงรู้เลยนั่นเป็นชีวิตอีกแง่หนึ่งใน จํานวนหลาย ๆ แบบ ในแม่โจ้ซึ่งผู้ที่เคยเหยียบผืนดินแห่งนี้มาก่อนได้ช่วยกันขนานนามให้เสียอย่างโก้หรูว่า “ประเทศแม่โจ้” หลังจากวันที่ 7 มิถุนายน ไปแล้วนั่นแหละทุกคนจึงรู้ว่า ตนเองได้ตกอยู่ภายใต้ขอบเขต – กฎของธรรมนูญอีกฉบับหนึ่ง นับเป็นครั้งที่ 33 ลูก ๆ ที่คลอดออกมาจึงได้ถูกขนานนามจากลูกแม่เดียวกันว่า แม่โจ้รุ่น 33 ซึ่งทั้งหมด 200 กว่าคน และแน่นอน รุ่น 33 เป็นรุ่นที่แข็งแกร่งที่สุดรุ่นหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นทางด้านการงาน, การเรียน กําลังใจกำลังกาย เขามีพร้อมและเตรียมพร้อมอยู่เสมอ ทั้งนี้เพราะความกดดันทางด้านจิตใจ ทั้งทางกายและสภาพแวดล้อมที่ทุกคนในรุ่น 33 ได้จับอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

ลอดซุ้ม

ความตื่นเต้นคึกคะนอง ดีใจ ภูมิใจ ไม่แพ้หรือยิ่งหย่อนไปกว่าครั้งใดๆ ได้เกิดขึ้นในใจและสีหน้าของทุกคนในรุ่นนี้อีกครั้งหนึ่ง เมื่อทุกคนได้มีโอกาสใช้ฝ่ามืออันหยาบกระด้างสัมผัสกับของชิ้นหนึ่ง ซึ่งทําด้วยโลหะและมีสัญลักษณ์นี้ถูกขัดไว้กับเอว ทุกคนจะต้องคิดและพูดว่าข้าฯ นี่แหละแม่โจ้ และสิ่งนี้เองเปรียบเสมือนหนึ่ง “น้ำอมฤตที่ชะโลมกายใจของวัยรุ่น (รุ่น 33) ทั้งหลายให้เดือดพล่านไปทั้งตัว

เพราะด้วยเหตุนี้เอง วันหนึ่งในงานรื่นเริงฤดูหนาวแม่ริมได้มีการทดสอบกำลังกับกองทัพไทย (ป. พัน 7) และนอกจากนั้นก็เคยพบกับทหารอากาศ ซึ่งผลแห่งการกระทำนี้เรายังพบกับความปั่นป่วนเดือดร้อน เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นนี้ทำให้กรมกองต่าง ๆ ตลอดหน่วยงานอื่น ๆ ต้องอลเวงไปตาม ๆ กัน รุ่น 33 ทุกคนต้องคิดและหาทางแก้ไขอย่างหนัก และเพียงระยะเวลาไม่กี่วันต่อจากเหตุการณ์ที่กล่าวแล้วนี้ก็ได้มีกฎบัญญัติข้อบังคับต่าง ๆ ของวิทยาลัย ซึ่งทำให้รุ่นเราและทุก ๆ รุ่นเจอกับมรสุมอย่างหนักซึ่งค่อนข้างจะรุนแรงไปหน่อยแต่ก็แฝงไว้ด้วยความหวังดีจากคณะอาจารย์ทุกๆ คน ส่วนทางฝ่าย น.ศ. รุ่น 33 ทุกคนก็ได้ ตั้งกฏขึ้นเองบ้างเหมือนกันก็คือ “สไต้รหยุดเรียน1 อาทิตย์” เท่านั้นเอง เหตุการณ์จึงคลายความตึงเครียดลงได้ และคําขวัญที่ว่า “แม่โจ้อยู่ได้ด้วยความสามัคคี” ก็พึงมีความหมายและเป็นความจริงตอนนี้เอง

ในการแก้ไขธรรมนูญแม่โจ้ฉบับเก่าซึ่งทำความไม่พอใจแก่รุ่น 33 เป็นอันมากทั้งนี้เพราะทุกคนรู้ดีว่าการแก้ไขธรรมนูญนั้นถ้าผิดพลาดเพียงนิดเดียว มันจะมีประโยชน์ โทษและกระทบกระเทือนต่อลูกแม่โจ้ขนาดไหน โดยเฉพาะน้องๆ ที่กําลังจะคลอดตามหลังมา เหตุการณ์จึงคลุกรุ่นขึ้นในดินแดนแม่โจ้ ทำให้แม่โจ้ต้องสั่นสะเทือนอีกครั้งหนึ่งหลังจากเงียบสงบมานานพอสมควรและทุกคนก็คิดและรู้ว่ามันต้องยุติลงได้ เพราะทุกคนเชื่อในจิตใจของลูกแม่เดียวกัน อะไร? สิ่งไหนบ้าง? ที่ลูกและสายเลือดแม่โจ้ด้วยกันจะตกลงกันไม่ได้ ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างก็ดําเนินไปอย่างเรียบร้อยแหละก็นับว่ารุ่น 33 ของเรามีส่วนในการปรับปรุงแก้ไขธรรมนูญแม่โจ้ฉบับปัจจุบัน ซึ่งเป็นฉบับที่ถาวรเป็นอันมากแต่เหตุการณ์หาได้สงบเพรียงนี้ไม่

ด้วยเหตุนี้เองความโกลาหลวุ่นวายนานานับประการจึงอุบัติขึ้นทั้งภายในและภายนอก วิทยาลัยหลายต่อหลายครั้งด้วยกัน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่ละครั้งไม่อย่างใดอย่างหนึ่ง จะต้องมีอัน พังพินาศไปสิ่งเหล่านี้หาได้รอดพ้นจากสายตาของครูบาอาจารย์ไม่ ซึ่งเราจะเห็นสิ่งที่เป็นจริงมิใช่ ความฝัน นั่นคือ พวกเราต้องอดที่จะสะเทือนใจ เศร้าใจไม่ได้เมื่อรู้ว่าเพื่อน ๆ อันเป็นที่รักของ ต้องถูกสั่งลาพักหรือไม่ก็ต้องออกจากวิทยาลัย ฯ แห่งนี้ ไปเลย เพราะความรักเพื่อน คิดเกรงไปว่า เพื่อนจะต้องได้รับความเดือดร้อนหรืออนาคตของเพื่อนมัวหมองไป โดยขณะนั้นตนเองหาได้คิด ห่วงตัวเองไม่จะเฉลียวใจสักนิดก็หาไม่ว่า เมื่อพลาดไปแล้วอนาคตที่จะรุ่งเรืองในวันข้างหน้า ความ หวังของพ่อแม่ที่นั่นมานานนับสิบ ๆ ปีจะต้องพบจุดจบอย่างไม่ต้องสงสัย

การดําเนินชีวิตในแม่โจ้นั้น ถ้าเราสามารถทําจิตใจให้เข้มแข็งรู้จักคิด รู้จักทําแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทุกคนเห็นยากก็จะเห็นง่ายที่ไม่อยากจะเจอก็จะเจอ สิ่งใดก็ตามที่พวกเราได้รับจาก รุ่นพี่นั้น เมื่อเราเป็นน้องใหม่เจอสิ่งใดรู้สึกว่ามันขวางหูขวางตาไปหมด มีความคิดในใจอยู่อย่าง เดียวคืออยากกระทืบให้มันแหลกละเอียดเป็นผงธุลี โดยไม่รู้ว่าสิ่งเหล่านี้แหละเป็นมรดกตกทอดจาก บรรพบุรุษหลายรุ่นแล้วซึ่งมันจะทําให้เรามีจิตใจที่เข้มแข็ง แข็งแกร่ง อดทนอย่างไม่รู้ตัว และทุกคนก็ได้และประสพมากับตัวเองแล้วแทบทุกสิ่งทุก ทุกอย่าง

โดยเฉพาะรุ่น 33 ของเรานี้ได้ชื่อว่าเป็นรุ่นที่แข็งแกร่งรุ่นหนึ่งก็ตามที่มีบ่อยครั้งที่ทําให้เราต้องอดกลั้นกลืนความรันทดใจ ร้องไห้ไปกับความผิดหวัง ขมขื่น แม้แต่เวลาจะกินจะนอนจะย่างก้าวไปข้างหน้า ก็มีแต่ความลําบากไปเสียทุกอย่าง ถ้าหากน้ําตาและหยาดเหงื่อที่พวกเราเคยหลั่งมันสามารถคงรูปร่างอยู่ได้ ผืนแผ่นดินทุก ๆ ตารางนิ้วในแม่โจ้คงเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อและน้ำตา ใครว่าชีวิตที่อยู่ในแม่โจ้นี้ ง่าย สุขสบาย เปล่าเลย “แม่” ไม่ได้สั่งสอนให้ลูกสุขสบายแม้แต่นิดเดียว ตรงกันข้ามแม่กลับสอนให้ลูก ๆ รู้จักความลำบากความอดทน สุขุม รู้จักคุณค่าของหยาดเหงื่อและน้ำตาทุก ๆ หยดที่ไหลรินออกมาเพื่อให้เราสํานึกว่า การต่อสู้เพื่อชีวิต อนาคตของตัวเองนั้น มันมีรสชาติเข้มข้น หวานมันขนาดไหน แม่ไม่เคยสอนให้ลูก ๆ เป็น แก๊งอันธพาลเที่ยวตะบันหน้าใครต่อใครอย่างที่เขาเข้าใจ แต่ แม่สอนให้รู้จักกับการหลบหลีก ในสิ่งที่ไม่ดี รู้ถึงการปกป้องชีวิตตัวเองเมื่อมีภัยสอนให้ลูกรู้จักสร้าง และรักษาไว้ซึ่ง “ชื่อเสียง เกียรติศักดิ์ของลูกแม่โจ้ทุกคน”

อดุลย์ สายหยุด แม่โจ้รุ่น 33

และบัดนี้พวกเรารุ่น 33 ทุก ๆ คน กําลัง จะอำลา จากสิ่งเหล่านี้ไปไกล จากทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยคลุกคลีอยู่เป็นนิจ ถึงแม้กายจะห่างแต่ลูกรุ่น 33 ยังอาลัยอาวรณ์ ไม่อยากจากไป แต่หน้าที่การงาน กําลังรออยู่ข้างหน้า ลูกคงจะคร่ำครวญอยากจะกลับมาสู่อ้อมอกแม่ตลอด เวลาที่จากแม่ไป ถ้าโชคไม่ร้ายจนเกินไป สักวันหนึ่งลูกจะกลับมาเยี่ยมแม่ กลับมาสู่อ้อมอกแม่ อ้อมอกที่เคยให้ความรัก ความอบอุ่น และเมื่อนั้นลูกคงจะหลับตายิ้มอย่างเป็นสุขอยู่ในอ้อมแขนของแม่ตราบนิจนิรันดร

แหล่งที่มา : หนังสือ “อนุสรณ์แม่โจ้ รุ่น 33″
ผู้เขียน : อดุลย์ สายหยุด แม่โจ้รุ่น 33