Curry

แกงฮังเล: แกงหมูโบราณที่เดินทางข้ามพรมแดนสู่ครัวล้านนา

1-2 ชั่วโมง Cook
Scroll to recipe

หากพูดถึงอาหารเหนือที่ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติรู้จักกันดี “แกงฮังเล” ต้องติดอันดับต้น ๆ แน่นอน ด้วยรสชาติเปรี้ยว เค็ม หวานนิด ๆ มีกลิ่นหอมเครื่องเทศ และเนื้อหมูเปื่อยนุ่มที่เคี้ยวแล้วแทบละลายในปาก เมนูนี้ไม่ได้แค่ “อร่อย” แต่ยังมีเรื่องราวที่น่าสนใจซ่อนอยู่มากมาย

จริง ๆ แล้วแกงฮังเลไม่ใช่แกงที่มีต้นกำเนิดจากไทยแท้ ๆ แต่มาจากประเทศพม่า โดยคำว่า “ฮินเล” ในภาษาพม่าหมายถึง “แกงเนื้อ” พอเข้ามาในภาคเหนือของไทย โดยเฉพาะในเขตล้านนา ชาวบ้านจึงเรียกเพี้ยนเป็น “ฮังเล” และปรับสูตรให้เข้ากับวัตถุดิบในท้องถิ่น

ในยุคก่อน การติดต่อค้าขายและการปกครองของพม่าที่มีต่อล้านนา ทำให้วัฒนธรรมหลายอย่างไหลเข้ามาในดินแดนเหนือ รวมถึงอาหารด้วย ชาวบ้านเลยนำสูตรแกงเนื้อของพม่ามาดัดแปลงใช้กับหมูที่หาง่ายในท้องถิ่น จนกลายเป็น “แกงฮังเล” อย่างที่เรารู้จักกันทุกวันนี้

จุดเด่นของแกงฮังเลอยู่ที่การใช้ หมูสามชั้น หรือ หมูเนื้อแดง มาหมักกับเครื่องแกงหอม ๆ เช่น ขิง กระเทียม หอมแดง ข่า ตะไคร้ พริกแห้ง และกะปิ ปรุงรสด้วยน้ำมะขามเปียก น้ำตาลปี๊บ และซีอิ๊ว เคี่ยวไปเรื่อย ๆ จนหมูนุ่มและเครื่องแกงซึมเข้าเนื้อ

สูตรของบางบ้านยังมีการใส่กระเทียมดอง ขิงหั่น และถั่วลิสงคั่วเพิ่มความมันและกลิ่นหอม บางสูตรแบบโบราณแท้ ๆ จะไม่มีการใส่กะทิเลย ทำให้เก็บไว้กินได้นานขึ้นด้วย

แกงฮังเลไม่ได้มีดีแค่รสชาติ แต่ยังเต็มไปด้วยประโยชน์จากสมุนไพรไทย เช่น

  • ขิง ช่วยย่อยอาหาร แก้ท้องอืด
  • มะขาม มีวิตามินซีสูง เป็นยาระบายอ่อน ๆ
  • กระเทียม ลดไขมันในเลือด ฆ่าเชื้อ

นอกจากนี้ยังมีวิตามินหลากหลาย เช่น วิตามินเอ บี1 บี2 และแร่ธาตุสำคัญอย่างแคลเซียมและเหล็ก

ในอดีต แกงฮังเลมักจะถูกปรุงในโอกาสพิเศษ เช่น งานแต่ง งานบุญ งานขึ้นบ้านใหม่ เพราะใช้วัตถุดิบดีและต้องใช้เวลาปรุงนาน ถือเป็นอาหารมงคลที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ และมักทำแจกหรือถวายพระในงานวัดอีกด้วย

ทุกวันนี้ แกงฮังเลกลายเป็นเมนูสามัญที่หาได้ตามร้านอาหารเหนือทั่วไป แต่ยังคงความคลาสสิกไว้อย่างครบถ้วน

เอกสารอ้างอิง

  1. วิกิพีเดีย. (2567). แกงฮังเล. สืบค้นจาก https://th.wikipedia.org/wiki/แกงฮังเล
  2. มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง. (ม.ป.ป.). อาหารพื้นถิ่นล้านนา: แกงฮังเล. สืบค้นจาก https://sites.google.com/mfu.ac.th/chiangrai/traditional/foods/gang-hunglay
  3. ธวัชชัย แสนชมภู. (2562). การพัฒนาเอกลักษณ์อาหารพื้นบ้านล้านนา: กรณีศึกษาแกงฮังเล. วารสารวิชาการมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์, 17(1), 95-110. สืบค้นจาก https://so06.tci-thaijo.org/index.php/var/article/download/213511/149805

ผู้ให้ข้อมูล

นางอนงค์ โทปุรินทร์

  • พื้นที่: อำเภอทุ่งช้าง จังหวัดน่าน
  • ให้ข้อมูลว่า: “เป็นอาหารที่รับอิทธิพลมาจากประเทศพม่า”
    และยังให้เคล็ดลับว่า สามารถใช้เนื้อกระท้อนแทนน้ำมะขามเปียกได้ ซึ่งเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่น่าสนใจมาก

นางอำพัน นาวิชัย

  • พื้นที่: ตำบลเวียงเหนือ อำเภอเวียงชัย จังหวัดเชียงราย
  • ให้ข้อมูลเรื่องระยะเวลาการทำ ซึ่งใช้เวลาถึง 2 ชั่วโมง ถือว่านานที่สุดในกลุ่มผู้ให้ข้อมูล

นางวิจิตร ศรีจันสุขสกาว

  • พื้นที่: ตำบลปางหมู อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน
  • ระบุขั้นตอนว่า หั่นหมูเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมขนาดประมาณ 2 นิ้ว ซึ่งเป็นขนาดที่ช่วยให้หมูนุ่มและซึมเครื่องแกงได้ดี

Share
แกงฮังเล

แกงฮังเล

yaowapa
มนูแกงฮังเลสูตรนี้ใช้สมุนไพรหลากหลายชนิดซึ่งไม่เพียงแต่เพิ่มรสชาติ กลิ่นหอม และความกลมกล่อมให้กับอาหาร แต่ยังมี คุณค่าทางโภชนาการ และ สรรพคุณทางยา ที่ดีต่อสุขภาพ ดังนี้: - กระเทียม : อุดมด้วย สารอัลลิซิน (Allicin) ซึ่งมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อรา ช่วยลดระดับไขมันในเลือดและลดความดันโลหิต กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน และช่วยต้านอนุมูลอิสระ - หอมแดง : ให้ สารฟลาโวนอยด์ โดยเฉพาะเควอซิทิน (Quercetin) ที่ช่วยต้านการอักเสบ ช่วยขับลม บรรเทาอาการหวัด คัดจมูก เสริมภูมิคุ้มกันและช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานดีขึ้น - ขิง : มี จินเจอรอล (Gingerol) ซึ่งช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้ แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ กระตุ้นการไหลเวียนโลหิต มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ช่วยลดอาการปวดข้อและกล้ามเนื้อ ให้พลังงานจากคาร์โบไฮเดรตในปริมาณเล็กน้อย และมีใยอาหาร - ข่า : มีน้ำมันหอมระเหยที่ช่วยฆ่าเชื้อในระบบทางเดินอาหาร บรรเทาอาการท้องเสียและจุกเสียดแน่นท้อง ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น และลดกลิ่นคาวในอาหาร - ตะไคร้ : ช่วยลดความดันโลหิตและคอเลสเตอรอล มีกลิ่นหอมช่วยผ่อนคลาย ลดความเครียด มีฤทธิ์ขับเหงื่อ ขับปัสสาวะ และช่วยขับลมในลำไส้ - พริกขี้หนูแห้ง : อุดมด้วย วิตามินซี และสาร แคปไซซิน (Capsaicin) ซึ่งช่วยกระตุ้นการเผาผลาญไขมัน กระตุ้นการหลั่งน้ำลายและน้ำย่อย ช่วยลดอาการคัดจมูก และมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ
prep time
30 นาที
cooking time
1-2 ชั่วโมง
servings
5
total time
2-2.30 ชั่วโมง

Equipment

  • 1. เขียงไม้และมีด ใช้สำหรับหั่นหมู ขิง ตะไคร้ ข่า และหอมแดง ให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ เพื่อเตรียมก่อนปรุง และง่ายต่อการตำในครก

  • 2. ครกหินและสาก เป็นหัวใจหลักของการทำเครื่องแกงล้านนา ใช้ตำสมุนไพรต่าง ๆ ให้ละเอียด ทั้งกระเทียม ขิง หอมแดง ข่า และพริกแห้ง ซึ่งช่วยให้รสชาติของเครื่องแกงเข้มข้นและกลิ่นหอมมากกว่าการบดด้วยเครื่อง

  • 3. หม้อดินหรือหม้ออะลูมิเนียม/สเตนเลส ใช้สำหรับเคี่ยวแกงฮังเลด้วยไฟอ่อน หม้อดินจะช่วยรักษาความร้อนและทำให้อาหารค่อย ๆ สุกอย่างทั่วถึง ส่วนหม้อโลหะเหมาะสำหรับครัวปัจจุบันที่เน้นความสะดวก

  • 4. เตาไฟฟ้า เตาถ่าน หรือเตาแก๊ส ใช้ควบคุมไฟในการเคี่ยวแกง ควรใช้ไฟอ่อนนาน ๆ เพื่อให้เครื่องแกงซึมเข้าเนื้อหมูและทำให้หมูนุ่มละลายในปาก

  • 5. ช้อนตัก ช้อนคน ตะหลิว และทัพพี อุปกรณ์พื้นฐานสำหรับคนเครื่อง ปรุงรส และเสิร์ฟอาหาร

  • 6. ชามผสมหรือกะละมังเล็ก ใช้สำหรับหมักหมูกับเครื่องแกงก่อนนำไปเคี่ยว

Ingredients

  • วัตถุดิบหลัก

  • - เนื้อหมูสามชั้นหรือหมูเนื้อแดง – ใช้เป็นวัตถุดิบหลักของจาน โดยหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมขนาดประมาณ 2 นิ้ว เพื่อให้ซึมซับเครื่องแกงได้ดี และเมื่อเคี่ยวจะได้นุ่มละมุน

  • - เครื่องแกงโขลกสด – ประกอบด้วยสมุนไพร ได้แก่ ขิง กระเทียม หอมแดง ข่า ตะไคร้ และพริกแห้ง ตำรวมกันจนละเอียด กลายเป็นเครื่องแกงที่หอมเป็นเอกลักษณ์

  • - น้ำมะขามเปียก – ให้รสเปรี้ยวตามแบบฉบับแกงฮังเล ในสูตรของคุณอนงค์มีเคล็ดลับว่า สามารถใช้เนื้อกระท้อนสุกแทนได้ เพื่อให้รสเปรี้ยวละมุน และเพิ่มกลิ่นหอมเฉพาะตัว

  • วัตถุดิบรอง / เครื่องปรุง

  • - น้ำปลา / ซีอิ๊วขาว – ใช้ปรุงรสเค็มแทนเกลือ ทำให้ได้กลิ่นหอมแบบกลมกล่อม

  • - น้ำตาลปี๊บ – ช่วยกลมกล่อม ลดความเผ็ดร้อนของเครื่องแกง และเพิ่มรสหวานบาง ๆ

  • - กระเทียมเจียวหรือกระเทียมสดเพิ่มเติม – บางสูตรนิยมโรยหน้าหรือใส่เพิ่มตอนเคี่ยว เพื่อเสริมกลิ่น

  • - ขิงซอย – อาจใช้โรยหน้าหรือใส่เพิ่มเติมเพื่อเพิ่มกลิ่นหอมในขั้นตอนสุดท้าย

Instructions

1

เตรียมวัตถุดิบ

- เนื้อหมูสามชั้นหรือหมูเนื้อแดง หั่นชิ้นสี่เหลี่ยมขนาด 2 นิ้ว - เครื่องแกงโขลกสด (ขิง กระเทียม หอมแดง ข่า ตะไคร้ พริกแห้ง) - น้ำมะขามเปียก (หรือเนื้อกระท้อนสุกตามเคล็ดลับ) - น้ำปลา / ซีอิ๊วขาว - น้ำตาลปี๊บ
2

เตรียมเครื่องแกง

- ปอกเปลือกกระเทียม หอมแดง หั่นข่า ตะไคร้ และขิงเป็นชิ้นเล็ก - ล้างพริกขี้หนูแห้งให้สะอาดแล้วตัดเป็นท่อน - นำสมุนไพรทั้งหมดใส่ครก โขลกรวมกันให้ละเอียดเป็นพริกแกงสด เครื่องแกงสดใหม่จะให้กลิ่นหอมและรสชาติเข้มข้นมากกว่าการใช้เครื่องแกงสำเร็จรูป
3

หมักหมู

- ใส่หมูหั่นลงในชามผสม - เติมพริกแกงที่โขลกไว้ลงไป คลุกเคล้าให้เข้ากัน - ปรุงรสด้วยน้ำปลา/ซีอิ๊วขาว น้ำตาลปี๊บ และน้ำมะขามเปียก - หมักไว้ประมาณ 15–30 นาที ให้เครื่องแกงซึมเข้าเนื้อ
4

เคี่ยว

- ตั้งหม้อบนไฟกลาง ใส่หมูหมักทั้งหมดลงไปโดยไม่ต้องใส่น้ำ - ผัดจนหมูเริ่มสุก น้ำมันจากหมูเริ่มออกมาปนกับเครื่องแกง - เติมน้ำสะอาดเล็กน้อย (ถ้าต้องการให้น้ำแกงมากขึ้น) แล้วหรี่ไฟอ่อน เคี่ยวไปเรื่อย ๆ ประมาณ 45–60 นาที จนเนื้อหมูนุ่ม และน้ำแกงขลุกขลิก
5

ปรุงรสชาติ

- ชิมรส หากต้องการให้เปรี้ยวขึ้น สามารถเติมน้ำมะขามเปียกเพิ่ม - หากขาดความเค็มหรือนัว เติมน้ำปลาหรือน้ำตาลปี๊บอีกเล็กน้อย
6

ตักเสิร์ฟ

- โรยขิงซอยเล็กน้อยเพิ่มกลิ่นหอม (ตามชอบ) - เสิร์ฟพร้อมข้าวเหนียวร้อน ๆ หรือข้าวสวย - นิยมกินคู่กับแคบหมู ผักสด เช่น แตงกวา ถั่วฝักยาว

Notes

เคล็ดลับในการทำให้แกงฮังเลอร่อยล้ำ - ใช้เนื้อหมูสามชั้นหั่นชิ้นใหญ่ (~2 นิ้ว) - การหั่นชิ้นใหญ่ช่วยให้เนื้อไม่เละเวลาต้ม เคี่ยวแล้วนุ่มฉ่ำ น้ำแกงซึมเข้าเนื้อได้ดี - โขลกเครื่องแกงสดใหม่ ไม่ใช้พริกแกงสำเร็จรูป กลิ่นหอมจากขิง กระเทียม หอมแดง ข่า และตะไคร้ จะออกมาเต็มที่ ถ้าโขลกเอง - เคี่ยวด้วยไฟอ่อนนาน ๆ (Low & Slow) การเคี่ยวหมูแบบช้า ๆ ทำให้ไขมันละลายบางส่วน กลายเป็นน้ำแกงขลุกขลิกเข้มข้น รสชาตินัวแบบโบราณ - ใส่ขิงซอยเพิ่มตอนท้ายเล็กน้อยเพื่อเสริมกลิ่นหอมและรสเผ็ดอ่อน ๆ ให้จบในจาน เคล็ดลับพิเศษจากคุณอนงค์: “สามารถใช้เนื้อกระท้อนสุกแทนน้ำมะขามเปียกได้” ได้รสเปรี้ยวนุ่มละมุน พร้อมกลิ่นหอมแบบผลไม้พื้นบ้านล้านนา ข้อควรระวัง - อย่าใช้ไฟแรงขณะเคี่ยว เพราะเนื้อหมูจะกระด้าง น้ำแกงแห้งเร็วและไหม้ก้นหม้อ - ระวังการใส่น้ำตาลมากเกินไป เพราะเนื้อหมูสามชั้นมีมันธรรมชาติอยู่แล้ว การหวานเกินจะทำให้เลี่ยน - ไม่ควรใส่น้ำมาก แกงฮังเลต้องการน้ำแกงขลุกขลิก ไม่ใช่แบบน้ำเยอะเหมือนแกงจืด ข้อแนะนำเพิ่มเติม - หากทำกินในวันรุ่งขึ้น รสชาติจะยิ่งกลมกล่อมขึ้น เพราะเครื่องแกงซึมเข้าเนื้ออย่างเต็มที่ - เหมาะสำหรับทำในงานบุญ งานเลี้ยง เพราะสามารถทำหม้อใหญ่ได้ และอุ่นซ้ำได้หลายมื้อ
You may also like
Curry

ขนมจีนน้ำเงี้ยว: อาหารแห่งรากเหง้าไทใหญ่ สู่วิถีล้านนา

1 ชั่วโมง Cook
เมื่อเอ่ยถึงอาหารเหนือที่ทั้งอร่อย น่าจดจำ และเปี่ยมด้วยเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม “ขนมจีนน้ำเงี้ยว” ย่อมติดอันดับต้น ๆ ที่หลายคนโหยหาทันที กลิ่นหอมของดอกงิ้ว ตัดกับรสเปรี้ยวของมะเขือเทศ และรสเค็มมันจากน้ำเลือดผสมกับเครื่องแกงเข้มข้น ล้วนหลอมรวมเป็นรสชาติที่ยากจะลืมเลือน แต่น้อยคนนักจะรู้ว่า ขนมจีนน้ำเงี้ยวไม่ได้เกิดในครัวเรือนของชาวไทยพื้นถิ่นโดยตรง หากแต่มีรากเหง้ามาจากกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีบทบาทอย่างลึกซึ้งในประวัติศาสตร์ล้านนา นั่นคือ “ชาวไทใหญ่” หรือที่เรียกกันตามภาษาชาวบ้านว่า “เงี้ยว” จากชาวไทใหญ่ สู่ครัวล้านนา… Share this:FacebookXLike this:Like Loading...
Curry

แกงอ่อมเครื่องในหมู

30 นาที Cook
แกงอ่อมเครื่องในหมู แกงอ่อมเครื่องในหมู เป็นเมนูพื้นบ้านที่ได้รับความนิยมในภาคเหนือของประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่แม่ฮ่องสอน อาหารจานนี้เป็นการผสมผสานระหว่างเครื่องในหมูและสมุนไพรไทยที่หอมกรุ่น เช่น ข่า ตะไคร้ และใบมะกรูด ทำให้เมนูนี้มีรสชาติเข้มข้นและหอมสมุนไพร นอกจากนี้ยังเป็นเมนูที่ช่วยบำรุงร่างกายและระบบย่อยอาหารได้ดี ประวัติความเป็นมา แกงอ่อมเครื่องในหมู เป็นเมนูที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคนในภาคเหนือ โดยใช้เครื่องในหมูที่มีรสชาติและเนื้อสัมผัสที่เข้มข้น ผสมกับสมุนไพรไทยที่หาได้ง่ายในท้องถิ่น เพื่อเพิ่มรสชาติและกลิ่นหอม เมนูนี้มักถูกนำมารับประทานในโอกาสพิเศษหรืองานสำคัญในชุมชน ผู้ให้ข้อมูล :… Share this:FacebookXLike this:Like Loading...
Curry

แกงยอดมะพร้าวอ่อนใส่ไก่ (แกงออกป้าว)

20 นาที Cook
แกงยอดมะพร้าวอ่อนใส่ไก่ – อาหารพื้นบ้านจากเชียงใหม่ แกงยอดมะพร้าวอ่อนใส่ไก่ เป็นเมนูพื้นบ้านที่ทำง่ายและอร่อย โดยการใช้ยอดมะพร้าวอ่อนที่มีความกรอบและสดใหม่ ผสมผสานกับเนื้อไก่ที่มีรสชาติกลมกล่อม การใช้สมุนไพรต่าง ๆ เช่น ตะไคร้ พริก และกระเทียม ช่วยเพิ่มความหอมและรสชาติที่เข้มข้น เมนูนี้เป็นที่นิยมของชาวบ้านในภาคเหนือ โดยเฉพาะในพื้นที่เชียงใหม่ ประวัติความเป็นมา แกงยอดมะพร้าวอ่อนใส่ไก่เป็นเมนูที่ใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติที่หาได้ในท้องถิ่น ยอดมะพร้าวอ่อนเป็นส่วนที่อ่อนและกรอบของต้นมะพร้าว ซึ่งนิยมใช้ในการทำแกงและอาหารต่าง… Share this:FacebookXLike this:Like Loading...

Leave a Reply