Curry

ขนมจีนน้ำเงี้ยว: อาหารแห่งรากเหง้าไทใหญ่ สู่วิถีล้านนา

1 ชั่วโมง Cook
Scroll to recipe

เมื่อเอ่ยถึงอาหารเหนือที่ทั้งอร่อย น่าจดจำ และเปี่ยมด้วยเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม “ขนมจีนน้ำเงี้ยว” ย่อมติดอันดับต้น ๆ ที่หลายคนโหยหาทันที กลิ่นหอมของดอกงิ้ว ตัดกับรสเปรี้ยวของมะเขือเทศ และรสเค็มมันจากน้ำเลือดผสมกับเครื่องแกงเข้มข้น ล้วนหลอมรวมเป็นรสชาติที่ยากจะลืมเลือน

แต่น้อยคนนักจะรู้ว่า ขนมจีนน้ำเงี้ยวไม่ได้เกิดในครัวเรือนของชาวไทยพื้นถิ่นโดยตรง หากแต่มีรากเหง้ามาจากกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีบทบาทอย่างลึกซึ้งในประวัติศาสตร์ล้านนา นั่นคือ “ชาวไทใหญ่” หรือที่เรียกกันตามภาษาชาวบ้านว่า “เงี้ยว

จากชาวไทใหญ่ สู่ครัวล้านนา

ขนมจีนน้ำเงี้ยว เป็นอาหารที่เกิดจากการผสมผสานทางวัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์ไทใหญ่ ซึ่งมีถิ่นฐานอยู่ในเขตพื้นที่รัฐฉาน ประเทศพม่า และอพยพเข้าสู่ภาคเหนือของไทยผ่านเส้นทางประวัติศาสตร์การค้า การอพยพ และการเมือง ตั้งแต่สมัยอาณาจักรล้านนา

คำว่า “น้ำเงี้ยว” มีรากศัพท์จากภาษาพื้นถิ่นที่หมายถึง “แกงของเงี้ยว” ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นที่นิยมในหมู่ชาวล้านนาและกลายเป็นอาหารประจำถิ่นที่มีความโดดเด่นเฉพาะตัว

เอกลักษณ์ในรสชาติ

น้ำแกงของน้ำเงี้ยวมีส่วนประกอบหลักจาก มะเขือเทศ ซึ่งให้รสเปรี้ยวอ่อน ๆ และความหวานธรรมชาติ เสริมด้วย ดอกงิ้วแห้ง ที่ให้กลิ่นหอมเฉพาะและเนื้อสัมผัสที่นุ่มเคี้ยวเพลิน น้ำเลือดหมูหรือน้ำเลือดไก่เป็นหัวใจของความกลมกล่อม ที่เมื่อเคี่ยวกับเครื่องแกงที่โขลกสด จะให้รสชาติที่เข้มข้นลุ่มลึก

บางสูตรยังใส่ เต้าเจี้ยว ซึ่งเป็นวัตถุดิบของชาวไทใหญ่ เพิ่มกลิ่นหอมและรสเค็มอ่อน ๆ ที่แตกต่างจากสูตรทางภาคกลาง ส่วนเส้นขนมจีนที่ใช้ ก็มักเป็นเส้นหมักที่มีกลิ่นเปรี้ยวเล็กน้อย ซึ่งเข้ากันได้ดีกับน้ำแกงร้อน ๆ และเครื่องเคียง เช่น ผักกาดดอง กระเทียมเจียว ถั่วงอก และพริกแห้งทอด

จากครัวชาวบ้าน สู่จานงานบุญ

ในอดีต ขนมจีนน้ำเงี้ยวเป็นอาหารที่นิยมทำกันในงานบุญ งานวัด งานศพ หรืองานเลี้ยงต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง เพราะสามารถทำหม้อใหญ่ได้ง่าย รสชาติถูกปากคนทุกวัย และเก็บไว้รับประทานได้หลายมื้อ

ปัจจุบัน เมนูนี้ได้กลายเป็นอาหารสามัญของคนเหนือ และแพร่หลายไปทั่วประเทศไทย โดยยังคงรักษารากวัฒนธรรมและรสชาติดั้งเดิมไว้อย่างดี บางจังหวัดยังจัดเทศกาล “ขนมจีนน้ำเงี้ยว” เพื่อเฉลิมฉลองความเป็นอัตลักษณ์ทางอาหารอีกด้วย

อาหารที่เป็นมากกว่าอาหาร

ขนมจีนน้ำเงี้ยวไม่ใช่แค่อาหารที่อร่อย แต่ยังเป็นสื่อกลางในการเล่าเรื่องราวของการอยู่ร่วมกันของผู้คนหลากชาติพันธุ์ในดินแดนล้านนา เป็นเครื่องพิสูจน์ว่ารสชาติที่แท้จริงของอาหาร ไม่ได้เกิดจากวัตถุดิบหรือเครื่องเทศเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจาก “ความสัมพันธ์” ที่ผู้คนมีต่อกัน

เอกสารอ้างอิง

  1. มูลนิธิเล็ก-ประไพ วิริยะพันธุ์. (2564). ขนมจีนน้ำเงี้ยว: อาหารพื้นเมืองของชาวไทใหญ่. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์มติชน.
  2. สมชาย ศรีสกุล. (2558). “วัฒนธรรมอาหารภาคเหนือ: การศึกษาเชิงลึก”, วารสารวิจัยวัฒนธรรม, 7(2), 45-60.
  3. สุภัทรา วงศ์คำจันทร์. (2560). อาหารพื้นบ้านล้านนา. เชียงใหม่: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
  4. วิกิพีเดีย. (2567). ขนมจีนน้ำเงี้ยว. สืบค้นจาก: https://th.wikipedia.org/wiki/ขนมจีนน้ำเงี้ยว

ผู้ให้ข้อมูลเมนูขนมจีนน้ำเงี้ยว

บทความนี้อ้างอิงข้อมูลเมนูขนมจีนน้ำเงี้ยวจากผู้ให้ข้อมูลในพื้นที่ภาคเหนือของไทย 2 ท่าน ได้แก่:

  1. นางเขียว สนธิ
    • พื้นที่: ตำบลเมืองคอง อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่
    • ให้ข้อมูลเกี่ยวกับประวัติอาหารว่า “ขนมจีนน้ำเงี้ยวเป็นอาหารที่ได้รับความนิยมในหมู่ชาวล้านนามาแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน”
    • เสนอสูตรที่ใช้วัตถุดิบหลักคือเส้นขนมจีน 1 กิโลกรัม เลือดหมูหรือเลือดไก่ และเครื่องปรุงพื้นบ้าน เช่น ดอกงิ้ว มะเขือเทศ พริกขี้หนู หอมแดง กระเทียมเจียว ฯลฯ
    • ใช้สมุนไพรอย่าง ดอกงิ้ว ที่มีสรรพคุณห้ามเลือด และบำรุงระบบไหลเวียนโลหิต
  2. นางฟามฟุ แซ่ฟุ้ง
    • พื้นที่: ตำบลศรีถ้อย อำเภอแม่ใจ จังหวัดพะเยา
    • ให้ข้อมูลขั้นตอนการปรุงอย่างละเอียด เช่น การต้มเลือดไก่ หมูสับ โขลกเครื่องแกง และใส่มะเขือเทศ ดอกงิ้วลงไปต้มรวมกัน
    • เน้นเครื่องปรุงพื้นบ้าน เช่น เต้าเจี้ยว กระเทียมเจียว และผักชี
    • ใช้สมุนไพรท้องถิ่น เช่น มะเขือเทศ ดอกงิ้ว พริกชี้ฟ้า และรากผักชี ซึ่งมีสรรพคุณทั้งด้านสุขภาพและความเชื่อพื้นบ้าน

Share
ขนมจีนน้ำเงี้ยว

ขนมจีนน้ำเงี้ยว

yaowapa
คุณค่าทางโภชนาการของขนมจีนน้ำเงี้ยว เมนูขนมจีนน้ำเงี้ยวถือเป็นอาหารพื้นบ้านที่ไม่เพียงแต่อร่อยและกลมกล่อม แต่ยังเปี่ยมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการจากวัตถุดิบพื้นบ้านและสมุนไพรธรรมชาติ โดยเฉพาะในเครื่องแกงและน้ำแกงที่รวมคุณประโยชน์หลากหลายไว้ในชามเดียว ดังนี้: - มะเขือเทศ : อุดมด้วยสาร ไลโคปีน (Lycopene) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ มี วิตามิน C, A, B1, B2, K ช่วยบำรุงผิวพรรณ ป้องกันโรคหัวใจ และความดันโลหิตสูงมี กรดมาลิก และกรดซิตริก ที่ช่วยในการย่อยอาหาร - ดอกงิ้วแห้ง : เป็นสมุนไพรพื้นเมืองล้านนา เกสรดอกงิ้วแห้ง ใช้ในตำรับยาพื้นบ้านว่า ห้ามเลือด และ บำรุงโลหิต เปลือกต้นช่วยบรรเทาอาการบวมจากการกระแทกรากงิ้วใช้เป็น ยาบำรุงกำลัง - พริกขี้หนู : มีสาร แคปไซซิน (Capsaicin) ที่ช่วยเร่งการเผาผลาญพลังงาน อุดมด้วยวิตามิน A, B1, B2, B3, C ช่วยขับลม แก้อาการท้องอืด ลดไขมันในเลือด มีใยอาหาร และแร่ธาตุ เช่น แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก - หอมแดง : ให้พลังงาน โปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต มี วิตามิน A, C, B-complex และแร่ธาตุจำเป็น ช่วยป้องกันหวัด คัดจมูก เสริมภูมิคุ้มกัน และแก้อาการแน่นท้อง - รากผักชี : ช่วยดับกลิ่นคาวของเนื้อสัตว์ ใช้เป็นสมุนไพรขับพิษไข้ บำรุงหัวใจ แก้อีสุกอีใส ให้กลิ่นหอมเฉพาะตัว ช่วยเจริญอาหาร
prep time
20 นาที
cooking time
1 ชั่วโมง
servings
4
total time
1.20 ชั่วโมง

Equipment

  • 1. เขียงและมีด ใช้สำหรับหั่นมะเขือเทศ หมู หอมแดง พริก และวัตถุดิบอื่นให้เป็นชิ้นพอดี

  • 2. ครกและสาก ใช้ในการโขลกเครื่องแกง เช่น พริก ข่า ตะไคร้ รากผักชี หอมแดง เพื่อให้กลิ่นหอมเข้มข้นและคงความเป็นพริกแกงสดแบบพื้นเมือง

  • 3. หม้อขนาดกลางถึงใหญ่ สำหรับต้มและเคี่ยวน้ำแกง ควรเลือกหม้อที่ทนความร้อนได้ดีและไม่บางเกินไป เพื่อให้น้ำแกงร้อนสม่ำเสมอ

  • 4. เตาแก๊ส / เตาถ่าน / เตาไฟฟ้า ใช้เป็นแหล่งความร้อนในการต้มแกง สูตรพื้นบ้านดั้งเดิมนิยมใช้เตาถ่าน เพราะให้กลิ่นหอมควันอ่อน ๆ เพิ่มความกลมกล่อม

  • 5.ทัพพี / ตะหลิว / ช้อนคน สำหรับคนเครื่อง ปรุงรส และตักน้ำแกง ต้องใช้ทัพพีที่ทนความร้อนและจับถนัดมือ

  • 6. กะละมังหรือชามผสม ใช้คลุกหมูและเครื่องแกงก่อนนำลงหม้อ ใช้พักผัก หรือเตรียมดอกงิ้วแช่น้ำให้นุ่มก่อนปรุง

  • 7. ถ้วย เสิร์ฟ / จานขนมจีน ภาชนะสำหรับจัดเสิร์ฟขนมจีนให้ดูน่ารับประทาน พร้อมผักเคียง เช่น ผักกาดดอง ถั่วงอก กระเทียมเจียว

Ingredients

  • วัตถุดิบหลัก

  • เส้นขนมจีน 1 กิโลกรัม

  • เลือดไก่หรือเลือดหมู ตามชอบ (ใช้ต้มกับน้ำซุป)

  • หมูสับ ปริมาณตามต้องการ

  • วัตถุดิบสมุนไพร / เครื่องแกง

  • ดอกงิ้วแห้ง 10 ดอก ห้ามเลือด บำรุงเลือด

  • มะเขือเทศ 4–5 ผล วิตามิน C, ไลโคปีน

  • พริกขี้หนู 5–10 เม็ด กระตุ้นการเผาผลาญ

  • หอมแดง 5–8 หัว แก้หวัด คัดจมูก

  • กระเทียมเจียว 2–3 ช้อนโต๊ะ ลดไขมันในเลือด

  • รากผักชี 1–2 ราก ดับกลิ่นคาว ขับพิษไข้

  • เครื่องปรุงรส

  • น้ำปลา / เกลือ – ปรุงรสเค็ม

  • น้ำมัน – สำหรับเจียวกระเทียม

  • เต้าเจี้ยว (ในบางสูตร เช่นสูตรพะเยา) – เพิ่มกลิ่นหอมเค็มนัว

Instructions

1

เตรียมวัตถุดิบ

วัตถุดิบหลัก - เส้นขนมจีน 1 กิโลกรัม - หมูสับ - เลือดไก่หรือน้ำเลือดหมู (ใช้ต้มผสมในน้ำแกง) เครื่องปรุง/สมุนไพร - ดอกงิ้วแห้ง 10 ดอก (แช่น้ำให้นุ่ม) - มะเขือเทศ 4–5 ผล (หั่นชิ้น) - พริกขี้หนู 5–10 เม็ด - หอมแดง 5–8 หัว (บางส่วนซอย บางส่วนโขลก) - กระเทียมเจียว 2–3 ช้อนโต๊ะ - รากผักชี 1–2 ราก (ซอยบาง ๆ) - น้ำปลา/เกลือ - น้ำมันพืช
2

เตรียมเครื่องแกง

นำพริกขี้หนู หอมแดงบางส่วน และรากผักชีมาซอยหยาบ โขลกรวมกันในครกให้ละเอียดจนเป็นเนื้อเดียวกัน กลายเป็น “เครื่องแกงสด” พักไว้
3

ต้มน้ำเลือดและหมู

ต้มน้ำสะอาดในหม้อให้เดือด ใส่เลือดไก่หรือน้ำเลือดหมูลงไป คนเบา ๆ จนสุกและจับตัวเป็นเนื้อเดียว ใส่หมูสับลงไปต้มจนสุก ตักฟองออกให้ใสน้ำ
4

ปรุงน้ำแกง

ใส่เครื่องแกงที่โขลกไว้ลงในหม้อ เติมมะเขือเทศและดอกงิ้วแห้งที่แช่น้ำแล้วลงไป เคี่ยวด้วยไฟกลางจนมะเขือเทศเปื่อย น้ำแกงมีสีแดงใสจากน้ำเลือดและมะเขือเทศ ปรุงรสด้วยน้ำปลา/เกลือตามชอบ เติมกระเทียมเจียวลงไปเพื่อเพิ่มกลิ่นหอม
5

จัดเสิร์ฟ

ลวกเส้นขนมจีนให้สะอาด นำขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำ จัดเส้นขนมจีนใส่จานหรือชาม ตักน้ำเงี้ยวร้อน ๆ ราดลงบนเส้นขนมจีน โรยหน้าด้วยกระเทียมเจียวและผักชี (ถ้ามี) เสิร์ฟพร้อมเครื่องเคียง เช่น ผักกาดดองซอย ถั่วงอกลวก หรือพริกแห้งทอด

Notes

เคล็ดลับความอร่อย - เลือดไก่หรือเลือดหมูต้องสด - การใช้เลือดต้มสดใหม่จะช่วยให้น้ำแกงข้น กลมกล่อม และได้กลิ่นหอมเฉพาะตัว ไม่คาว - ใช้ดอกงิ้วแห้งแท้จากท้องถิ่น - ควรนำไปแช่น้ำให้นุ่มก่อนใช้ จะให้รสชาติหอมเฉพาะตัว และช่วยเรื่องการไหลเวียนโลหิต - เครื่องแกงต้องโขลกใหม่ - พริก หอมแดง รากผักชี ข่า ตะไคร้ ควรโขลกเอง ไม่ใช้เครื่องแกงสำเร็จ เพื่อให้ได้กลิ่นหอมและรสลึกแบบดั้งเดิม - ไม่ควรเคี่ยวแรง การเคี่ยวไฟอ่อนจะทำให้น้ำแกงไม่แตกมัน หมูนุ่ม น้ำเลือดไม่เป็นก้อน และรสชาติกลมกล่อม ข้อควรระวัง - อย่าลืมเจียวกระเทียมแยกไว้ สำหรับโรยหน้าก่อนเสิร์ฟ เพราะเป็นเอกลักษณ์ของน้ำเงี้ยวที่ช่วยเพิ่มกลิ่นหอมและความกรุบเบา ๆ - ไม่ควรใช้มะเขือเทศเยอะเกินไป เพราะจะทำให้น้ำแกงเปรี้ยวเกิน และกลบรสของเครื่องแกง คำแนะนำเพิ่มเติม - เมนูนี้เหมาะกับการทำหม้อใหญ่ในงานบุญ งานวัด งานประเพณี - หากทิ้งไว้ข้ามคืน แล้วอุ่นกินใหม่ จะยิ่งอร่อยขึ้น เพราะรสเครื่องแกงซึมลึก
You may also like
Curry

แกงฮังเล: แกงหมูโบราณที่เดินทางข้ามพรมแดนสู่ครัวล้านนา

1-2 ชั่วโมง Cook
หากพูดถึงอาหารเหนือที่ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติรู้จักกันดี “แกงฮังเล” ต้องติดอันดับต้น ๆ แน่นอน ด้วยรสชาติเปรี้ยว เค็ม หวานนิด ๆ มีกลิ่นหอมเครื่องเทศ และเนื้อหมูเปื่อยนุ่มที่เคี้ยวแล้วแทบละลายในปาก เมนูนี้ไม่ได้แค่ “อร่อย” แต่ยังมีเรื่องราวที่น่าสนใจซ่อนอยู่มากมาย จริง ๆ แล้วแกงฮังเลไม่ใช่แกงที่มีต้นกำเนิดจากไทยแท้ ๆ แต่มาจากประเทศพม่า โดยคำว่า… Share this:FacebookXLike this:Like Loading...
Curry

แกงอ่อมเครื่องในหมู

30 นาที Cook
แกงอ่อมเครื่องในหมู แกงอ่อมเครื่องในหมู เป็นเมนูพื้นบ้านที่ได้รับความนิยมในภาคเหนือของประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่แม่ฮ่องสอน อาหารจานนี้เป็นการผสมผสานระหว่างเครื่องในหมูและสมุนไพรไทยที่หอมกรุ่น เช่น ข่า ตะไคร้ และใบมะกรูด ทำให้เมนูนี้มีรสชาติเข้มข้นและหอมสมุนไพร นอกจากนี้ยังเป็นเมนูที่ช่วยบำรุงร่างกายและระบบย่อยอาหารได้ดี ประวัติความเป็นมา แกงอ่อมเครื่องในหมู เป็นเมนูที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคนในภาคเหนือ โดยใช้เครื่องในหมูที่มีรสชาติและเนื้อสัมผัสที่เข้มข้น ผสมกับสมุนไพรไทยที่หาได้ง่ายในท้องถิ่น เพื่อเพิ่มรสชาติและกลิ่นหอม เมนูนี้มักถูกนำมารับประทานในโอกาสพิเศษหรืองานสำคัญในชุมชน ผู้ให้ข้อมูล :… Share this:FacebookXLike this:Like Loading...
Curry

แกงยอดมะพร้าวอ่อนใส่ไก่ (แกงออกป้าว)

20 นาที Cook
แกงยอดมะพร้าวอ่อนใส่ไก่ – อาหารพื้นบ้านจากเชียงใหม่ แกงยอดมะพร้าวอ่อนใส่ไก่ เป็นเมนูพื้นบ้านที่ทำง่ายและอร่อย โดยการใช้ยอดมะพร้าวอ่อนที่มีความกรอบและสดใหม่ ผสมผสานกับเนื้อไก่ที่มีรสชาติกลมกล่อม การใช้สมุนไพรต่าง ๆ เช่น ตะไคร้ พริก และกระเทียม ช่วยเพิ่มความหอมและรสชาติที่เข้มข้น เมนูนี้เป็นที่นิยมของชาวบ้านในภาคเหนือ โดยเฉพาะในพื้นที่เชียงใหม่ ประวัติความเป็นมา แกงยอดมะพร้าวอ่อนใส่ไก่เป็นเมนูที่ใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติที่หาได้ในท้องถิ่น ยอดมะพร้าวอ่อนเป็นส่วนที่อ่อนและกรอบของต้นมะพร้าว ซึ่งนิยมใช้ในการทำแกงและอาหารต่าง… Share this:FacebookXLike this:Like Loading...

Leave a Reply