ข้าพเจ้ากับพระช่วงฯ


ข้าพเจ้ากับพระช่วงฯ

โดย ศาสตราจารย์ อินทรีย์ จันทรสถิตย์

หลวงอิงคศรีกสิการ  หรือ ศาสตราจารย์พิเศษ อินทรี จันทรสถิตย์

ข้าพเจ้ารู้จักคุ้นเคยกับคุณพระช่วงตั้งแต่เรายังเป็นเด็กนักเรียนสวนกุหลาบด้วยกัน ผมอยู่ชั้นสูงกว่าเขา แต่พวกเราที่อยู่ย่านบางลําภู ถนนสิบสามห้าง วัดรังสี ก็มีอีกหลายคนที่รุ่นราวคราวเดียวกัน มักจะไปคุยกันที่บ้านคุณพ่อคุณพระช่วงบ้าง ไปฟังเขาเล่นดนตรีกันบ้าง เพราะคุณพระช่วงเป็นนักดนตรีสีซอเก่ง เรื่องการเรียนดูไม่ค่อยจะสนใจกันเท่าใดนัก เพราะรู้จักกันแล้วว่าในชั้นของตัวใครเก่ง ใครไม่เก่ง ใครจะได้ทุนเล่าเรียนหลวง เป็นต้น ฉะนั้นการฝึกในด้านวิชาการ โดยเฉพาะในชั้นมัธยมปีที่ 8 จึงไม่ค่อยได้มาทําเป็นการบ้านนัก

ได้รู้จักชอบพอกันมากขึ้นเมื่อเราเข้าศึกษาในวิทยาลัยเกษตรกรรมที่โลสบานโยส ประเทศฟิลิปปินส์ ผมไปเรียนก่อนเขา เขาตามไปทีหลัง เราได้อยู่กินนอนด้วยกันทั้ง 3 ปี สุขด้วยกันทุกข์ด้วยกันและ 3 ปี ดูมันรวดเร็วมาก

ผมสําเร็จการศึกษาในปี พ.ศ. 2464 ช่วงยังไม่สําเร็จขาดอีกปีหนึ่ง แต่ทางกระทรวงศึกษาธิการก็กรุณาให้เราไปศึกษาต่อที่สหรัฐอเมริกาพร้อมกัน 3 คน มีนายหนู อมาตยกุล ซึ่งไปฟิลิปปินส์พร้อมกับช่วงเขา แต่ไปเรียนเพาะช่าง เดินทางร่วมกันไปโดยเรือไฟ จากมนิลา ผ่านเซี่ยงไฮ้ และแวะอีกหลายเมืองในญี่ปุ่นใช้เวลา 21 วัน ก็ถึงเมืองซีแอตเติล พักอยู่ 2 วัน ก็ขึ้นรถไฟไปรายงานตัวต่อท่านเจ้าคุณเมธาธิบดี ผู้ปกครองนักเรียน ระหว่างนั้นเป็นฤดูร้อนจึงพักอยู่ที่บอสตันตั้งเดือน ช่วงจึงเดินทางไปศึกษาต่อในแมดิสัน วิสคอนซิน ไปเรียนทางสัตวบาล

ผมกลับกรุงเทพฯ ก่อนช่วงเขาหนึ่งปี เมื่อช่วงเขาได้ปริญญาโทกลับมา ผมรับราชการอยู่ที่โรงเรียนฝึกหัดครูประถมกสิกรรมที่บางสะพานใหญ่ พวกเราเอาช้างมาให้ช่วงเขาขี่ไปยังที่พักในโรงเรียนทําเป็นพิธีใหญ่โต มีนักเรียนมารอรับรถด่วนที่สถานีบางสะพานใหญ่ ตั้งแถวรับ เพราะว่าโรงเรียนเราจะได้รับอาจารย์ใหม่ต้องต้อนรับให้ดี มิฉะนั้นช่วงเขาอาจจะตกใจก็ได้เมื่อไปถึงโรงเรียน เพราะเราจัดกระต๊อบเล็ก ๆ ให้เขาอยู่หลังหนึ่งต่างหากไม่ปะปนกับใครในสวนมะพร้าว มีที่นอนหมอนมุ่ง โอ่งน้ำสําหรับอาบน้ำ ความจริงเรามักจะลงทะเลกัน เพราะโรงเรียนอยู่ติดทะเล น้ำในตุ่มตักจากบ่อก็พอล้างตัวให้หมดน้ำเค็มเท่านั้น

ท่านเจ้าคุณเทพศาสตร์สถิตย์ ท่านเป็นอาจารย์ใหญ่ และมีอาจารย์ผู้ช่วยอยู่แล้วคือ คุณหลวงสุวรรณวาจกกสิกิจ หลวงผลสัมฤทธิกสิกรรมและผม ทํางานทุกอย่างช่วยกันสร้างตัวโรงเรียนถาวร บ้านพักอาจารย์ โรงเลี้ยงอาหาร เรือนนอนนักเรียนเสร็จในปีเดียว ช่วงเขาก็ย้ายไปอยู่บ้านสร้างใหม่ กิจการเกษตรทั้งหลายในสมัยนั้นเราทํากันด้วยมือ มีรถไถนาใหญ่อยู่หนึ่งคันเป็นของท่านเจ้าของสวนมะพร้าว คุณหลวงสุวรรณวาจกกสิกิจชํานาญท่านให้ฝึกหัดได้ แต่รถเจ้ากรรมนั้นพอสาย ๆ หน่อยมันพาลหยุดเอาดื้อๆ พอ 4-5 โมงเย็นก็หมุนติดเข้าโรงได้ เป็นอย่างนี้ทุกวัน จนเราไม่สนใจใช้รถไถนาคันนั้น

ช่วงยังอยู่ที่บางสะพานใหญ่ต่อไป ผมกับคุณหลวงสุวรรณย้ายไปทับกวางไม่ค่อยได้ติดต่อกันมากนัก จนเราถูกย้ายเข้ากรุงเทพฯ ช่วงเป็นอาจารย์สอนวิชาวิทยาศาสตร์ในโรงเรียนเทพศิรินทร์

ผมตั้งต้นตามหลังช่วงเขาตั้งแต่เป็นอาจารย์อยู่วชิราวุธ ช่วงย้ายไปยังสะเบียงสัตว์ทหาร ผมก็ไปแทนเขาที่วชิราวุธวิทยาลัย

คุณหลวงสุวรรณ ช่วง

ในปี 2475 คุณหลวงสุวรรณ ช่วง และผม ก็ย้ายไปบ้านนอกกัน ไปตั้งโรงเรียนประถมกสิกรรมกันใหม่ ช่วงเขาไปแม่โจ้ คุณหลวงสุวรรณไปควนเนียง ผมไปโนนสูง

ระหว่างที่ช่วงเขาเป็นอาจารย์ใหญ่อยู่ที่แม่โจ้ เขาได้ทําชื่อเสียงให้แม่โจ้มาก พวกจบการศึกษาจากแม่โจ้ เป็นผู้ที่ทําการงานอย่างไม่ย่อท้อต่อความลําบาก บึกบึน ฉลาดในการงาน นักเรียนจบจากแม่โจ้หางานทําง่ายมากใคร ๆ ก็แบมือรับ

ต่อมาช่วงเขาได้รับแต่งตั้งให้เป็นอธิบดีกรมกสิกรรม เราก็ได้ร่วมกันทํางานที่กรมกสิกรรม ได้เดินทางไปต่างจังหวัดด้วยกันบ่อยครั้ง เมื่อช่วงเขาได้เป็นอธิบดีผมก็ได้ทํางานในตําแหน่งต่าง ๆ จนเมื่อช่วงได้รับตําแหน่งรัฐมนตรี ผมก็ได้เลื่อนเป็นอธิบดีแทน

ในระยะช่วงเขาเป็นอธิบดี เขาได้มีส่วนนําเอาองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติเข้ามาตั้งที่กรุงเทพๆ นับเป็นผลงานชิ้นดีเด่นของเขาทีเดียว

ในโอกาสนี้ช่วงและคุณหญิงได้เดินทางไปประชุมที่โรม เมื่อช่วงเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร เป็นหัวหน้าคณะ แต่เมื่อได้เข้าประชุมแล้วสองวันก็ได้รับข่าวว่าช่วงถูกปลดจากตําแหน่งรัฐมนตรีว่าการเสียแล้ว แต่หน้าที่ทางหัวหน้าคณะมิได้เปลี่ยนแปลง อยู่ประชุมที่โรมจนสิ้นวาระสมัยประชุมแล้วก็เดินทางไปตามแผนเดินทางไม่เปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด

ต่อมาไม่กี่ปี ช่วงก็ได้รับตําแหน่งเป็นผู้ดูแลนักศึกษาในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นที่ถูกใจช่วงและคุณหญิงมาก เพราะจะได้นําครอบครัวไปต่างประเทศ ลูกเต้าก็จะได้ศึกษาในประเทศนั้น

ชีวิตของพวกเรามีขึ้นมีลง แต่พวกลูกศิษย์ลูกหาก็ยังได้เคารพอยู่เสมอ จะเห็นได้จากหนังสือที่ระลึกเล่มนี้ ที่ลูกศิษย์ลูกหาได้ช่วยกันทําด้วยความเต็มใจสมเป็นลูกแม่โจ้จริง ๆ

ที่มา : หนังสือเกษตร-แม่โจ้ ที่ระลึกเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิดครบรอบปีที่ 82 ของอาจารย์ อำมาตย์โท พระช่วงเกษตรศิลปการ (ช่วง โลจายะ) 20 กรกฎาคม 2524 หน้า 43-45